บทที่ 14
ความสงบ
กษัตริย์ชนกสรุปสภาวะอันสูงส่งของเขา
กษัตริย์ชนก กล่าว :
14.1
เขาผู้ซึ่งหมดสิ้นต่อการระลึกถึงชีวิตมายา ผู้มีจิตว่างเปล่าตามธรรมชาติที่แท้จริง ผู้คิดถึงวัตถุโดยไม่ใส่ใจ และ เป็นผู้ที่ตื่นจากความหลับใหล
(ชีวิตมายา หมายถึง ชีวิตที่รู้สึกว่ามีสิ่งเป็นคู่ตรงกันข้าม, มีพันธะของกรรม และส่งผลให้เกิดวัฏสงสาร)
(หมดสิ้นการระลึกถึงชีวิตมายา หมายถึง การระลึกถึงชีวิตมายาได้ถูกทำลายไปนิรันดร์ ไม่มีแรงดึงดูดของมายารั้งเอาไว้อีก)
(จิตว่างเปล่า หมายถึง ปราศจากอย่างสิ้นเชิงใน ความปรารถนา สสังการ [การก่อร่างขึ้น หรือ การเปลี่ยนผ่านที่ประทับไว้ในบุคคล] และความรู้ทางวัตถุ, แต่เต็มไปด้วยแสงสว่างของการตระหนักรู้ในอาตมันเท่านั้น)
(คิดถึงวัตถุโดยไม่ใส่ใจ หมายถึง ตราบเท่าที่ร่างกายยังคงอยู่, เขาก็รับรู้เรื่อยไปตามปรากฏการณ์ของโลก, เนื่องจากเศษกรรมที่หลงเหลืออยู่ยังคงทำหน้าที่ต่อไป [ปรารภกรรม คือ ส่วนหนึ่งของกรรมที่ต้องประสบในชาติปัจจุบัน] แต่เขาตระหนักรู้ถึงวัตถุว่าเป็นสิ่งผิวเผินและไม่ถาวร ซึ่งต่างไปจากมุมมองของบุคคลทั่วไป, มันเป็นผลที่เกิดโดยไม่ได้ตั้งใจกระทำและมิได้ทิ้งผลกระทบใดๆ ไว้ในภายหลัง เช่นนั้นแล้ว, เขาคือผู้ที่มีจิตว่างอย่างแท้จริง)
(ผู้ตื่นจากความหลับใหล หมายถึง โดยทั่วไปการหลับทำให้ สติ ความตระหนักรู้ของเราฟุ้งกระจาย แต่ผู้ที่ตระหนักรู้อย่างเต็มที่ถึงความรู้แห่งอาตมัน เขาจะไม่พบอุปสรรคนี้แม้ในยามที่ร่างกายหลับใหล)
14.2
เมื่อความปรารถนาของข้าพเจ้าได้มลายไป, ความรวย มิตรสหาย และ โจร อยู่หนใดหรือ? คัมภีร์ และ ความรู้ อยู่ที่ไหน ?
(ความปรารถนา ต่อวัตถุแห่งความเพลิดเพลินในโลกนี้และโลกหน้า)
(โจร เพราะวัตถุแห่งสัมผัสปล้นชิงการรับรู้ของอาตมันไปจากเรา)
(ที่ไหน? หมายถึง คัมภีร์และข้อห้ามนั้นใช้สำหรับผู้ที่ยังอยู่ในอวิชชา สำหรับผู้ที่ตระหนักรู้ถึงอาตมันจึงไม่ต้องใช้อีก)
(ความรู้ หมายถึง ความรู้ในทางโลกก็เป็นเช่นเดียวกับคัมภีร์ ซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้ที่มีประสบการณ์ทางโลก [ไม่เคยเป็นนักบวช] หรือผู้อื่นที่มีความรู้ทางจิตวิญญาณอันเป็นความรู้ทางอ้อม แต่ ผู้ที่มีประสบการณ์ตรงในการตระหนักรู้นั้น เขาไม่ต้องการคัมภีร์ และ ความรู้อีก)
14.3
เมื่อข้าพเจ้าได้ตระหนักรู้ใน “ปรมาตมัน” ผู้ซึ่งเป็น “ประจักษ์พยาน” และ “พระผู้เป็นเจ้า” ข้าพเจ้าได้หมดสิ้นความปรารถนาในพันธะ และหลุดพ้น, ข้าพเจ้ารู้สึกไม่วิตกกังวลต่อการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ
(หมดสิ้นความปรารถนา อธิบายว่า เพราะการตระหนักรู้อาตมันเป็นนิรันดร์ อิสระไม่สิ้นสุด และเต็มไปด้วยความผาสุกไม่สิ้นสุด ผู้ตระหนักรู้ในอาตมันอยู่เหนือพันธะใดๆ และเป็นอิสระ ผู้ที่อยู่ในอวิชชาต้องการหนีให้พ้นจากพันธะและได้รับการปลดปล่อย)
14.4
ผู้ที่ปราศจากความสงสัย เขาแสดงออกตามใจชอบดั่งไร้กฎเกณฑ์ ซึ่งมีเฉพาะผู้ที่เหมือนกับเขาเท่านั้นที่จะสามารถเข้าใจได้
(ปราศจากความสงสัย หมายถึง เขามีความรู้ที่สมบูรณ์ มีความรู้และความจริงทั้งหมด เขาจึงปราศจากความสงสัยและความไม่แน่นอน)
(แสดงออกตามใจชอบ หมายถึง ผู้ที่บรรลุถึงอาตมัน เขาไม่ถูกผูกมัดด้วยกฎที่คนเขียนขึ้น บางครั้งเขาจึงดูเหมือนกระทำไม่เหมาะสม)
(สามารถเข้าใจ หมายถึง เฉพาะผู้ที่ตระหนักรู้เท่านั้นจึงจะเข้าใจผู้ที่ตระหนักรู้ด้วยกัน คนทั่วไปที่ประเมินผู้คนจากภายนอก, ไม่สามารถเข้าใจผู้ที่รู้ถึงอาตมัน เพราะหนทางภายนอกไม่อาจชี้นำไปสู่ความสว่างภายใน)