บทที่ 7
ศิษย์ผู้บรรลุธรรม
“กษัตริย์ชนก” อธิบายถึงภาวะของการบรรลุธรรม
กษัตริย์ชนก กล่าว :
7.1
ภายในข้าพเจ้า คือมหาสมุทรอันไร้ขอบเขต, เรือแห่งจักรวาลล่องลอยไปที่นี่และไปที่นั่น มันถูกขับเคลื่อนไปมาตามกระแสลมของธรรมชาติ ข้าพเจ้ามิได้กระวนกระวาย
(ไม่กระวนกระวาย [ไม่ส่งผลกระทบ] – เมื่อเกิดลมขึ้นในมหาสมุทร โยกโยนเรือไปในที่ต่างๆ หรือแม้แต่จมเรือลงเบื้องล่าง มหาสมุทรก็มิได้กระทบกระเทือนจากการเคลื่อนที่ของเรือ ; แม้ว่าจักรวาลซึ่งพักพิงอยู่บนอาตมัน เคยเปลี่ยนแปลงภายใต้แรงผลักดันตามกฎธรรมชาติ แต่อย่างน้อยที่สุด การเปลี่ยนแปลงของโลกมายาก็ไม่ส่งผลกระทบต่ออาตมัน)
7.2
ภายในข้าพเจ้า คือมหาสมุทรอันไร้ขีดจำกัด, ปล่อยให้คลื่นของโลก (มายา) เกิดขึ้นและอันตรธานไปตามธรรมชาติ ข้าพเจ้ามิได้เสริมหรือลดทอนคลื่นนั้น
(ตามธรรมชาติ – คลื่น, น้ำ, มหาสมุทรล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน เปรียบในโลกมายา เมื่อเกิดคลื่น มันจึงถูกตั้งชื่อ มีรูปแบบ ซ้อนอยู่บน อาตมัน และเมื่อคลื่นหายไป ทั้งชื่อและรูปแบบก็อันตรธานไปด้วย แต่สิ่งที่เป็นความจริงแท้คืออาตมันยังคงเหมือนเดิม)
7.3
ภายในข้าพเจ้า คือมหาสมุทรอันไร้ขอบเขต, จักรวาลเป็นเพียงภาพในจินตนาการ ข้าพเจ้าสงบนิ่ง เยือกเย็น และ ไร้รูปร่าง ข้าพเจ้ายึดถือเพียงสิ่งเดียวนี้
(ยึดถือในความรู้ที่ว่า โลกมายา เป็นเพียงการปรากฏขึ้น แต่อาตมันยังคงสงบนิ่ง เยือกเย็น และ ไร้รูปร่าง)
7.4
อาตมันนั้นมิได้อยู่ในวัตถุ, และมิใช่วัตถุที่เป็นอนันต์ อีกทั้งมิใช่วัตถุที่ไม่อาจถูกทำลาย อาตมันคือความเงียบสงบ อาตมันเป็นอิสระจากการยึดถือและความปรารถนา ข้าพเจ้ายึดถือเพียงสิ่งเดียวนี้
(อาตมันเป็นอนันต์ [infinite] จึงมิอาจอยู่ในวัตถุที่มีข้อจำกัด [finite object] ; อาตมันต์เป็นนิรันดร์ จึงไม่อาจถูกกัดกร่อนทำลาย ; โลก [มายา] ปรากฏผ่านมุมมองแห่งอวิชชา)
7.5
ข้าพเจ้าถึงพร้อมด้วย “สติ” อย่างยิ่ง โลกเปรียบเหมือนการแสดงมายากล เช่นนั้นแล้วความคิดที่จะยอมรับหรือผลักไสจะเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าได้อย่างไร ? และจะเกิดขึ้นที่ไหน ?
(ผู้บรรลุธรรมมองเห็นโลกมายาเป็นเพียงการแสดงมายากล, ไม่จริงและเป็นภาพลวงตา แม้จะปรากฎขึ้นต่อหน้า แต่เขาก็รู้ว่ามายานั้นมิได้มีอยู่จริง, เช่นนั้นแล้ว ผู้บรรลุธรรมจึงไม่มีการดึงดูด [ยอมรับ] หรือผลักไส [ปฏิเสธ] กับวัตถุใดๆ ของโลกมายา)