ดาวเกตุ
เหตุผลที่นักพยากรณ์ต้องรู้เรื่องดาว
สวัสดีค่ะ พบกับทีมงานตาณฑวะ ในรายการ “คุยเรื่องดาว เล่าเรื่องดวง” วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับดาวเกตุกันค่ะ ดาวเกตุเป็นพระเคราะห์เงา คือ ไม่ใช่ดาวที่ปรากฏบนท้องฟ้า บางตำรากล่าวว่าดาวเกตุเป็นดาวหางที่เคยโคจรในระบบสุริยะ บางตำราก็กล่าวว่าเป็น node ที่ตัดกันของวงโคจรของโลกและดวงจันทร์ ดาวเกตุสากล กับ ดาวเกตุไทย มีการโคจรที่ไม่เหมือนกัน เป็นความพิสดารของดาวดวงนี้ที่หาตัวตนที่แน่นอนไม่ได้ อย่างไรก็ดี ในทางโหราศาสตร์ไทย ดาวเกตุมีฐานะเป็นดาวพระเคราะห์ดวงหนึ่ง ใช้ในการพยากรณ์ได้ และส่งผลต่อดวงชะตาได้จริง เราจึงควรศึกษาเรื่องราวของดาวเกตุ เพื่อให้รู้รายละเอียดต่างๆ จะได้นำไปใช้ในการพยากรณ์ต่อไปได้อย่างแม่นยำ
ตามตำราโหราศาสตร์กล่าวว่า “อายุยืนอยู่ทายเกตุ” ดาวเกตุจึงเป็นดาวบุญ เปรียบเทียบได้กับเทวดา ทำหน้าที่คอยส่งเสริม ช่วยเร่งดาวอื่นๆ ที่เกตุไปกระทบ ให้ส่งผลเด่นชัดรวดเร็วมากขึ้น เหมือนสารเคมีประเภท Catalyst ที่คอยเร่งปฏิกิริยาให้เกิดขึ้นแบบรวดเร็วทันใจ หากดาวเกตุกระทบกับดาวศุภเคราะห์ (จันทร์ พุธ พฤหัส ศุกร์ หรือ ๒๔๕๖) ก็ดีไป เพราะดาวเกตุจะช่วยเร่งให้ส่งผลดีถึงที่สุด แต่ในคราวที่ดาวเกตุกระทบกับดาวบาปเคราะห์ (อาทิตย์ อังคาร เสาร์) ดาวเกตุก็ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง คือทำหน้าที่เร่งให้ดาวบาปเคราะห์ส่งผลสุดทางได้เหมือนกัน จึงอาจกล่าวได้ว่า ตามธรรมชาติดาวเกตุไม่มีบุคลิกเป็นของตัวเองแต่จะคอยคล้อยตามส่งเสริมดวงดาวที่อยู่ใกล้ ดังนั้นเมื่อดาวเกตุต้องอยู่ตามลำพังโดดเดี่ยว จึงมีบุคลิกที่เพี้ยนๆ และแปลกประหลาดมากทีเดียว
ดาวเกตุในทางวิทยาศาสตร์
ในทางวิทยาศาสตร์ ดาวเกตุเปรียบได้กับดาวเนปจูน (Neptune) เป็นดาวเคราะลำดับสุดท้ายในระบบสุริยะ คืออยู่ไกลจากดวงอาทิตย์มากที่สุด ดาวเกตุมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 รองจาก พฤหัสบดี เสาร์ ยูเรนัส คำว่า เนปจูนนี้ ตั้งชื่อตามเทพเจ้าแห่งท้องทะเลของโรมันเหนือ (โปเซดอน หรือ โพไซดอน มีสัญลักษณ์เป็นรูปสามง่ามหรือตรีศูล ♆)
ดาวเนปจูนมีสีน้ำเงิน มีชั้นบรรยากาศผิวนอกเป็น ไฮโดรเจน ฮีเลียม และมีเทน มีกระแสลมที่รุนแรงความเร็วเฉลี่ยว 2500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อุณหภูมิพื้นผิวอยู่ที่ประมาณ -220 องศาเซลเซียส ซึ่งหนาวเย็นมาก เนื่องจากอยู่ไกลดวงอาทิตย์ แต่แกนกลางภายในของดาวเนปจูน ประกอบด้วยหินและก๊าซร้อน อุณหภูมิประมาณ 7,000 องศาเซลเซียส ซึ่งร้อนกว่าพื้นผิวของดวงอาทิตย์
ภาพถ่ายของดาวเนปจูนจากยานวอยเอเจอร์ 2 (Voyager 2) ที่เคยเดินทางไปสำรวจเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2532 แสดงให้เห็นจุดดำใหญ่ (คล้ายจุดแดงใหญ่ ของดาวพฤหัสบดี) อยู่ค่อนมาทางซีกใต้ของดาว มีวงแหวนบางๆ สีเข้มอยู่โดยรอบ และมีดวงจันทร์บริวาร 8 ถึง 14 ดวง
พระเกตุในทางคติไทย
- พระเกตุ (เทวนาครี: केतु เกตุ) เป็นเทวดานพเคราะห์องค์หนึ่ง ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากพระศิวะทรงนำพญานาค ๙ ตัว บดป่นเป็นผง ห่อด้วยผ้าสีทอง ประพรมด้วยน้ำอมฤต แล้วเสกได้เป็นพระเกตุ เป็นเทพบุรุษมีพระวรกายสีทอง มี ๒ กร ทรงพระขรรค์เป็นอาวุธ สวมมงกุฎยอดชัย สวมอาภรณ์สีทอง ทรงเครื่องประดับด้วยทองคำและแก้วโกเมน ทรงพญานาคเป็นพาหนะ ประจำอยู่ทิศเบื้องกลาง
- พระเกตุ ยังมีนามอื่นๆ อีก เช่น พระโฆระ, พระมหาภีติกร, พระจิตรวรรณ, พระรักตเนตร, พระมหาสูร, พระอันตยเคราะห์, พระคทาปาณี เป็นต้น
- ในโหราศาสตร์ไทย พระเกตุถูกแทนด้วยสัญลักษณ์ ๙ (เลขเก้าไทย) มีอัตราการจรในแต่ละราศีประมาณสองเดือน โคจรย้อนจักรราศีเช่นเดียวกับพระราหู แต่ไม่ได้เล็งกับพระราหูตลอดเวลาเช่นทางโหราศาสตร์สากลและโหราศาสตร์อินเดีย พระเกตุเป็นดาวพระเคราะห์ที่มีความหวั่นไหว อ่อนไหวได้ง่าย มักแทนด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รับรู้ได้ด้วยใจ และเมื่อพระเกตุไปกุมกับดาวเคราะห์ใดๆ จะทำให้ดาวนั้นเพิ่มการตอบสนองจากการถูกกระทบมากขึ้น เช่นการเกิดอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์อันเกิดจากดาวที่จรมากระทบได้มากขึ้นกว่าเดิม สัญลักษญ์เลข ๙ ไทย จึงแทนพระเกตุดุจดังน้ำหรือเปลวไฟที่มีอาการสั่นไหวนั่นเอง
พระเกตุในทางคติฮินดู
- กล่าวกันว่า พระเกตุเกิดจากหางของพระราหู เนื่องจากพระราหูแอบไปขโมยน้ำอมฤตที่ดื่มแล้วเป็นอมตะ พระวิษณุโกรธจึงขว้างจักรตัดเอวพระราหู เดชะฤทธิ์น้ำอมฤต พระราหูจึงไม่ตาย และกลับไปยังวิมานเดิม หางที่ขาดนั้นเองก็กลายเป็นพระเกตุ ประจำอยู่ทิศเบื้องกลาง ให้ผลเป็นกลางๆ ในการพยากรณ์
- ในคติฮินดู บางตำนานเล่าว่า พระเกตุเป็นน้องชายของพระราหู ที่เกิดจากท้าววิประจิตติ กับนางสิงหิกา แต่ส่วนมากเรื่องเล่าที่ว่า พระเกตุเป็นส่วนลำตัวของพระราหูที่ถูกจักรตัดออกไป จะได้รับความนิยมเล่าขานกันมากกว่า พระราหูจึงมีแต่หัว ส่วนพระเกตุมีแต่ลำตัวที่ไม่มีหัว บ้างก็ว่าพระศุกร์ได้นำนาคมาผ่าเป็น ๒ ส่วน เพื่อมาต่อให้พระราหูและพระเกตุ ทำให้พระราหูมีหัวเป็นอสูร-ตัวเป็นเทพนาค และพระเกตุมีหัวเป็นเทพนาค-ตัวเป็นอสูร
- ในคติฮินดู พระเกตุเป็นเทพอสูรมีกายสีส้มทองดังดอกทองกวาว กายใหญ่ มีเศียรใหญ่ นัยน์ตาสีแดงเลือด บ้างก็ว่าสีน้ำตาล มี ๔ กร ทรงธง คทา ดาบ โล่ ฯลฯ สวมมงกุฎทองคำ มีรัศมีสีแดง สวมอาภรณ์สีทองและสีแดง ทรงเครื่องประดับด้วยทองคำและแก้วโกเมน ทรงนกอินทรีเป็นพาหนะ บ้างก็วาดพระเกตุเป็นครึ่งอสูรครึ่งนาค บ้างก็วาดเป็นครึ่งอสูรครึ่งนาคที่หัวขาด ก็มี
- ส่วนดาวเกตุทางโหราศาสตร์สากลและโหราศาสตร์อินเดียคือจุดตัดของวงโคจรโลกรอบดวงอาทิตย์ตัดกับดวงจันทร์โคจรรอบโลก คือช่วงที่เป็นจุดตัดที่มีทิศทางการโคจรของดวงจันทร์จากที่อยู่ทิศใต้ของเส้นวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์กำลังเดินขึ้นไปทางทิศเหนือของเส้นวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ (South node) ส่วนพระราหูเป็น North node ที่อยู่ตรงข้ามกันเสมอ ตามที่เคยกล่าวไว้ในเรื่องดาวราหู
พระเกตุในทางคติโรมัน
พระเกตุเมื่อเทียบกับความเชื่อทางตะวันตกแล้ว เทียบได้กับ “โพไซดอน” ตามเทพปกรณัมกรีก และ “เนปจูน” ตามเทพปกรณัมโรมัน
โพไซดอน (อังกฤษ: Poseidon) เป็นเทพบุรุษ หนึ่งในสิบสองเทพเจ้าโอลิมปัสในเทพปกรณัมกรีก บางคนอาจจะอยากรู้ว่า 12 เทพเจ้าและเทพธิดาแห่งเขาโอลิมปัส ที่ปกครองจักรวาลมีองค์ใดบ้าง มาดูกันแบบสั้นๆ รวบรัดค่ะ
- ซูส (Zeus) เทพแห่งท้องฟ้า (God of the Sky) ราชาแห่งเทพและมนุษย์ บางทีเรียกว่าเทพแห่งสายฟ้า เทียบได้กับ จูปิเตอร์ (Jupiter) ของโรมัน
- โพไซดอน (Poseidon) เทพแห่งท้องทะเล (God of the Sea) พี่ชายของซูส ควบคุมน้ำ ม้า และแผ่นดินไหว เทียบได้กับ เนปจูน (Neptune) ของโรมัน
- แอรีส (Ares) เทพแห่งสงคราม (God of War) บุตรของซูสกับเฮรา เทียบได้กับ มาร์ส (Mars) ของโรมัน
- อะโฟรไดท์ (Aphrodite) เทพีแห่งความรัก (Goddess of Love) ธิดาของซูส ผุดขึ้นจากฟองทะเล เทพีแห่งความงดงามและความรัก เทียบได้กับ วีนัส (Venus) ของโรมัน
- เฮรา (Hera) เทพีแห่งสตรี (Goddess of Woman) ราชินีแห่งปวงเทพ เป็นพี่สาวและชายาของซูส เทพีแห่งการให้กำเนิด เทียบได้กับ จูโน (Juno) ของโรมัน
- ดีมิเทอร์ (Demeter) เทพีแห่งการเก็บเกี่ยว (Goddess of Harvest) เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ และกสิกรรม เทียบได้กับ ซีรีส (Ceres) ของโรมัน
- อะธีนา (Athena) เทพีแห่งยุทธศาสตร์ (Goddess of Strategy) เป็นธิดาของซูส เกิดจากหน้าผากของซูสจึงไม่มีมารดา เป็นเทพีแห่งความเฉลียวฉลาด ยุทธศาสตร์สงคราม เทียบได้กับ มิเนอร์วา (Minerva) ของโรมัน
- อะพอลโล (Apollo) เทพแห่งดวงอาทิตย์ ดนตรี และกวี (God of the Sun, Music and Poetry) บุตรของซูส แฝดของอาร์ทิมิส เทียบได้กับ อะพอลโล (Apollo) ของโรมัน
- อาร์ทิมิส (Artemis) เทพีแห่งการล่า (Goddess of the Hunt) คู่แฝดของอะพอลโล ธิดาของซูส เทียบได้กับ ไดแอนา (Diana) ของโรมัน
- ฮิฟีสตัส (Hephaestus) เทพแห่งไฟ (God of Fire) เทพแห่งไฟ การช่าง งานเหล็ก และงานฝีมือ เป็นเทพผู้พิการและรูปร่างอัปลักษณ์ เทียบได้กับ วัลแคน (Vulcan) ของโรมัน
- เฮอร์มีส (Hermes) ผู้ส่งสารแห่งปวงเทพ (The Messenger God) บุตรคนเล็กของซูส ผู้เจรจาระหว่างมนุษย์และพระเจ้า เทพแห่งการค้า เทียบได้กับ เมอร์คิวรี (Mercury) ของโรมัน
- ไดอะไนซัส (Dionysus) เทพแห่งไวน์ (God of Wine) บุตรของซูสที่เกิดกับมนุษย์ เป็นเทพแห่งไวน์ การเฉลิมฉลอง งานรื่นเริง และการละคร เทียบได้กับ แบคัส (Bacchus) ของโรมัน
บางตำราก็จะรายละเอียดแตกต่างกันไปบ้างนะคะ เรื่องนี้ก็ถือว่าเล่าสู่กันฟังให้พอคุ้นหูคุ้นตาค่ะ มาเข้าเรื่องโพไซดอนของเราต่อกันเลยค่ะ
- โพไซดอน เป็นเทพแห่งมหาสมุทร หรือเรียกว่า “สมุทรเทพ” ใช้ตรีศูลหรือสามง่ามเป็นอาวุธ มีฤทธานุภาพมาก จึงได้ชื่อว่าเป็นเทพ “ผู้เขย่าโลก” (Earth-Shaker) เพราะสามารถบันดาลให้เกิด “ทะเลคลั่ง” หรือ “แผ่นดินไหว” ได้ และเป็นเทพ “ผู้กำราบม้า” (tamer of horses) มีพระเกษาหยิก และมีรูปพรรณสัณฐานบึกบึนหล่อเหลา
- โพเซดอนเป็นบุตรของเทพโครนอสกับพระนางรีอา มีพี่น้อง 5 พระองค์ ซึ่งล้วนแต่เป็นเทพที่สถิตในโอลิมปัสทั้งสิ้น ได้แก่ เฮสเทีย (เทพีแห่งเตาผิง ผู้ดูแลครัวเรือน), ดีมิเทอร์, เฮรา, เฮดีส (ผู้ปกครองยมโลก) และ ซูส ผู้เป็นใหญ่แห่งโอลิมปัส
ดาวเกตุในทางโหราศาสตร์
- พระเกตุ เป็นเทวดานพเคราะห์ที่ไม่ได้ถูดจัดให้เป็นดาวศุภเคราะห์และดาวบาปเคราะห์
- ตามตำนาน เล่าไว้ว่า เมื่อครั้งยุคแรกสุดที่มีการสร้างโลก เทวดาและอสูรได้ร่วมกันกวนเกษียรสมุทรเพื่อสกัดน้ำอมฤต (ซึ่งเป็นน้ำที่ดื่มแล้วเป็นอมตะ) นางโมฮินี ซึ่งเป็นอวตารของพระวิษณุเป็นผู้แจกจ่ายน้ำอมฤตให้เหล่าเทวดา แต่กลับมีสวรรภาณุ อสูรตนหนึ่งแฝงกายนั่งอยู่ในแถวของเหล่าเทวดาและดื่มน้ำอมฤตด้วย พระสูรยะ (พระอาทิตย์) และพระจันทราสังเกตเห็นเข้า จึงนำความไปแจ้งให้นางโมฮินีทราบ พระวิษณุในร่างอวตารเป็นนางโมฮินีจึงได้ใช้จักรสุทรรศน์ ตัดศีรษะของสวรรภาณุ แต่การดื่มน้ำอมฤติเข้าไปแล้วสวรรภาณุจึงไม่ตาย ศีรษะของสวรรภาณุถูกแยกออกจากร่าง กลายเป็น 2 ส่วน ส่วนหัวเรียกว่า “ราหู” และ ร่างที่ไม่มีหัวเรียกว่า “เกตุ” ต่อมาภายหลังพระราหูและพระเกตุได้รับสถานะเป็นดาวเคราะห์
- บางตำนานก็กล่าวว่า เมื่อสวรรภาณุถูกจักรสุทรรศน์ของพระนารายณ์ตัดขาดเป็น 2 ท่อน พระศุกร์ผู้เป็นคุรุแห่งอสูรได้นำนาคมาตนหนึ่งแบ่งนาคออกเป็น 2 ท่อน แล้วต่อศีรษะพระราหูกับตัวของนาคได้เป็นองค์พระราหู อีกทางหนึ่งก็ต่อเศียรของนาคเข้ากับร่างที่เหลือของพระราหูได้เป็นองค์พระเกตุ
- ในโหราศาสตร์ไทย พระเกตุถูกแทนด้วยสัญลักษณ์ ๙ (เลขเก้าไทย) และด้วยเหตุที่สร้างขึ้นมาจากพญานาค ๙ ตัวนี้เอง จึงทำให้มีกำลังพระเคราะห์เป็น ๙
การพยากรณ์สำหรับคนที่มีดาวเกตุส่งผลถึงลัคนา
ในตอนนี้เราจะกล่าวถึงการพยากรณ์ ดวงชะตาของคนที่มีดาวเกตุส่งผลถึงลัคนา ดังนี้
ตามที่ได้ทำความรู้จักกับดาวเกตุกันแล้วว่าเกตุเป็นดาวที่ไม่มีตัวตน เป็นดาวบุญ หรือ ดาวแห่งจิตวิญญาณ ตามตำราโหราศาสตร์พื้นฐานกล่าวว่า
- ยศศักดิ์ทายอาทิตย์ รูปจริตทายจันทร์
- กล้าขยันทายอังคาร เจรจาอ่อนหวานทายพุธ
- ปัญญาบริสุทธิ์ทายพฤหัส กิเลศกำหนัดทายศุกร์
- โทษทุกข์ทายเสาร์ มัวเมาทายราหู
- อายุยืนอยู่ทายเกตุ ภัยอาเพศทายมฤตยู ฯ
เราจะเห็นว่า “อายุยืนอยู่ทายเกตุ” เพราะมีบุญมาก จึงมีอายุยืน เชื่อกันว่าเทวดาส่งให้มาเกิดเพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์บนโลกนี้ จนกว่าเจ้าชะตาจะรู้สึกพึงพอใจในหน้าที่ทำหมดสิ้นแล้ว จึงจะลาโลกไป
- ในทางกายภาพ บุคคลที่มีดาวเกตุส่งผลถึงจะมีอวัยวะที่ผิดแผกไปจากธรรมดาอย่างหนึ่ง ถ้าเราดูใบหน้าจะมีส่วนเด่นที่สุดคือ มักมีหัวโหนก หน้าผากโหนกนูน ผมบางหรือหัวล้าน
- คนที่มีดาวเกตุส่งผลถึง จะมีประสาทสัมผัสไวเหนือกว่าคนธรรมดา มีเซนส์พิเศษ เห็นในสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น ใครมาดีมาร้ายก็รู้ได้
- สำหรับเรื่องโรคภัย คนที่ดาวเกตุส่งผลถึง มักมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับเส้นประสาท ถ้าเรื่องเจ็บไข้ไม่สบายทั่วไปไม่ต้องหาหมอ ไม่ต้องกินยา เป็นเองหายเองได้ อายุยืนอยู่จนกว่าจะหมดหน้าที่ ถ้าอยากตายก็จึงได้ตายเอง อายุเฉลี่ยเกิน 100 ปี
- ในทางบุคลิกภาพ บุคคลที่มีดาวเกตุส่งผลถึงจะมีบุคลิกร่าเริง หน้าตายิ้มแย้ม มีความสุข มีอัธยาศัยไมตรีดี ชอบช่วยเหลือ ใจบุญใจกุศล การวางตัวจะเหมือนเด็ก มีกิริยาแปลกๆ เมื่อยามพูดจาไม่เหมือนคนทั่วไป ไม่มีลำดับเรื่องราว ฟังแล้วไม่เข้าใจ ในเรื่องการกินอยู่ จะเป็นคนกินน้อย ชอบกินอะไรก็กินซ้ำๆ กินไปจนกว่าจะเบื่อ อยากกินอะไรมักได้กิน แต่ห้ามพูดก่อน ถ้าพูดว่าอยากกินเป็นต้องอด
- ในทางอุปนิสัย บุคคลที่มีดาวเกตุส่งผลถึงจะมีจินตนาการดี วัยเยาว์เล่นคนเดียวได้ เติบโตขึ้นมักพูดคนเดียว ชอบคุยกับตัวเอง คนที่มีดาวเกตุส่งผลถึงมักชอบช่วยเหลือผู้อื่น ใจบุญใจกุศล มีความคิด ไอเดียที่แปลกใหม่อยู่เสมอ เป็นคนมองโลกในแง่ดี ถ้ามีความทุกข์ก็จะทุกข์อยู่ไม่นาน สามารถนำตนเองออกจากความทุกข์ได้เสมอ
- คนที่มีดาวเกตุส่งผลถึงจะไม่ยึดติดในกฎเกณฑ์หรือประเพณีเดิมๆ จึงมักเป็นนักประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์
- ในทางความคิด คนที่มีดาวเกตุส่งผลถึงมักคิดที่จะช่วยเหลือ อยากให้คนบนโลกมีความสุข แต่ไม่ยึดโยงกับใครเป็นพิเศษ ใจจริงชอบอยู่คนเดียว มักไม่ค่อยกลับไปดูแลพ่อแม่ มีคู่ครองก็จะเป็นคู่บุญที่มาหนุนนำมาช่วยเหลือ เป็นคนไม่เอาบริวาร ถ้ามีภารกิจที่จะต้องทำก็จะมีคนมาช่วยเอง พอหมดภารกิจบริวารก็จะแยกย้ายสลายตัวไป มักไม่มีศัตรู ใครมาทำร้ายรังแกไม่ได้ แต่จะมีเพื่อนเป็นคนแปลกๆ เป็นคนประเภทเดียวกัน (คือแปลกพอๆกัน จึงจะคบหากันได้)
- ในเรื่องการเรียนการศึกษา คนที่มีดาวเกตุส่งผลถึง จะเรียนอะไรก็ได้ เรียนเร็ว เข้าใจเร็ว เรื่องยากเย็นเท่าไรก็เรียนรู้ได้หมด เสียแต่ว่าขี้ลืม เรียนแล้วลืมหมด ชอบอ่านหนังสือจากข้างหลังก่อน ทำงานเก่งเรื่องงานดีไซน์ งานใช้ไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ งานล้ำยุค นำสมัย เหมาะกับงานประดิษฐ์คิดค้น นวัตกรรม สร้างสิ่งใหม่ๆ ให้กับเพื่อนมนุษย์
- ดาวเกตุเป็นดาวบุญ คนมีดาวเกตุเด่นมักไม่ค่อยประสบเคราะห์กรรม มีแค่สมัยเด็กๆ มักจะป่วยด้วยโรคประหลาด ต้องทำพิธียกให้เป็นลูกพระ ลูกเจ้า จึงจะหาย ดาวเกตุช่วยใครก็สำเร็จ ทำงานอะไรถ้าตั้งเป้าหมายว่าเป็นการทำเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นยิ่งสำเร็จดี
- ถ้าเราไปนัดหมายกับคนที่มีดาวเกตุส่งผลถึง สังเกตว่าคนที่มีดาวเกตุมักจะไม่ค่อยรักษาเวลา ชอบแวะนั่น ทักนี่ ไปตลอดทาง ส่วนเรื่องบ้านช่องที่อยู่อาศัย มักจะเป็นบ้านแปลกๆ บ้านที่ไม่เหมือนใคร
ดาวเกตุกับตำแหน่งทำเนียบ
เราจะมาคุยกันในเรื่อง มาตรฐานดาว หรือ ตำแหน่งทำเนียบของดาว สำหรับดาวเกตุนั้น จะไม่มีตำแหน่ง เกษตรบดี มหาจักร ราชาโชค ประ และ นิจ เมื่ออ้างอิงจากตำราโลกธาตุ ซึ่งเป็นตำราโหราศาสตร์เก่าแก่ ที่ประพันธ์โดย พระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป) เพื่อเป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ พระพรหมมุนี (อุปวิกาโส แย้ม) อดีตเจ้าอาวาสวัดราชปรดิษฐ์ เมื่อ พ.ศ. 2475 ก็พบในตอนหนึ่งว่า “ดาวเกตุเป็นอุจ เป็นขุนนาง มีความสุขมาก และดาวเกตุเป็นอุจนั้น อยู่ในช่องว่างทั้งสี่ราศี (คือราศี ๒, ๔, ๘, ๑๐)” นั่นก็คือ
- ดาวเกตุได้ทำเนียบอุจ หรือ มหาอุจจ์ ใน 4 ราศี ดังนี้
- ราศีที่ ๒ คือ ราศีมิถุน
- ราศีที่ ๔ คือ ราศีสิงห์
- ราศีที่ ๘ คือ ราศีธนู
- ราศีที่ ๑๐ คือราศีกุมภ์
- เมื่อดาวเกตุได้ตำแหน่งมหาอุจจ์ ทำนายว่า
- เจ้าชะตาจะได้เป็น “ขุนนาง” ในสมัยโบราณการได้เป็นขุนนางถือว่ามีวาสนาดี เพราะอย่างแรกจะต้องมีคุณสมบัติพร้อมคือ มีความรู้ มีความสามารถ มีช่องทางเส้นสาย มีคอนเนคชั่น หรือต้องมีโอกาสดีๆ จากเจ้านาย ผู้หลักผู้ใหญ่ จึงจะเป็นขุนนางได้ ดังนั้นคนที่มีเกตุมหาอุจจ์ก็จะเป็นคนที่มีบุญวาสนา
- เจ้าชะตาจะมี “ความสุขมาก” การมีความสุขนั้นเป็นเรื่องดีกว่าสิ่งใดทั้งหมด เราจะเห็นได้ว่าหลายคนที่มีทรัพย์ มีร่างกายแข็งแรง มีอำนาจอิทธิพลมาก แต่หากไร้ความสุขแล้ว พรประเสริฐอื่นใดก็ไร้ความหมาย เพราะเจ้าชะตาจะต้องอยู่บนกองทุกข์ไม่รู้จักจบสิ้น “ความสุข” นั้นจึงเป็นพรอันประเสริฐสูงสุดที่ได้รับจากดาวเกตุ ดังที่กล่าวในตอนต้นว่า ผู้ที่ดาวเกตุถึงลัคนาจะสามารถนำตนเองออกจากความทุกข์ได้เสมอ จมอยู่ในความทุกข์ไม่นาน ด้วยมีบุญสะสมมาก จึงคิดได้-คิดตก หายทุกข์ได้เร็วกว่าผู้อื่น
- อีกประการหนึ่งก็คือ การที่เจ้าชะตามีดาวเกตุเป็นมหาอุจจ์ ส่งผลดีในการช่วยเหลือกับผู้อื่น แม้จะช่วยเพียงเล็กน้อย แต่ด้วยอานุภาพของเกตุ ย่อมส่งผลให้การช่วยเหลือนั้นเป็นประโยชน์อย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น การให้คำปลอบใจง่ายๆ เพียงประโยคเดียว ก็อาจทำให้คนที่กำลังคิดสั้น สามารถหลุดพ้นจากการหมกมุ่นในความทุกข์ได้อย่างน่าอัศจรรย์
ดาวเกตุกับภพต่างๆ ในดวงชะตา
เมื่อเรากล่าวถึงอานุภาพของดาวเกตุไปแล้ว เราก็ต้องดูด้วยว่าดาวเกตุส่งผลกับบุคลในเรื่องใดบ้าง ซึ่งดูได้จาก “ภพ” ที่ดาวเกตุไปสถิตในดวงราศีจักร ถ้าดาวตกในภพที่ส่งผลถึงเช่น กุม เล็ง โยค กับลัคนา (เป็น ๑ ๓ ๕ ๗ ๙ ๑๑ กับลัคนา) ดาวก็จะมีอิทธิพลกับเจ้าชะตามาก แต่ถ้าดาวไปตกในช่องเบียน คือ อริ มรณะ วินาศะ ดาวก็จะไม่ค่อยส่งผล แต่ถ้าไปตกในช่องส่ง ดาวก็จะส่งผลเป็นกลางๆ ในตอนนี้เราจะมาดูว่าเมื่อดาวเกตุสถิตในภพต่างๆ ของราศีจักรจะส่งผลถึงบุคคลอย่างไรบ้าง
- ภพตนุ (เป็น ๑ กับลัคนา) จะเป็นคนที่มีอวัยวะบางอย่างในร่างกายผิดแปลกไปกว่าปกติ 1 อย่าง เป็นคนหัวไว เรียนรู้เข้าใจได้ง่ายทุกเรื่อง แต่ออกจะขี้ลืม เป็นคนมีจินตนาการ มีความคิดสร้างสรรค์ เก่งเรื่องดีไซน์ ทำงานล้ำยุคทันสมัยได้ หรือทำงานที่เก่าแก่โบราณคร่ำครึไปเลยก็ได้ เป็นคนร่าเริง ยิ้มแย้ม ชอบอยู่คนเดียว บางทีก็พูดคนเดียว
- ภพกดุมภะ (เป็น ๒ กับลัคนา) จะเป็นคนที่ต้องหาเงินด้วยตนเอง แต่มีความพิเศษคือถ้าเงินจะหมดทีไร ก็จะมีคนมาช่วยเหลือ
- ภพสหัสชะ (เป็น ๓ กับลัคนา) จะเป็นคนที่มีเพื่อนๆ คนรอบข้าง หรือพี่น้องมาคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ
- ภพพันธุ (เป็น ๔ กับลัคนา) จะเป็นคนที่มีบ้านอยู่อาศัย ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่อยู่ แม้เจ้าตัวไม่ได้ซื้อหรือเช่า ก็มีคนจัดแจงเรื่องที่อยู่ให้โดยไม่ต้องเดือดร้อนดิ้นรน
- ภพปุตตะ (เป็น ๕ กับลัคนา) จะเป็นคนมีบุตรยาก แต่กลับดีในเรื่องลูกน้องบริวาร จะมีลูกน้องดี กตัญญูรู้คุณ จะมีบริวารที่มีชื่อเสียงดีกว่าเจ้าชะตา
- ภพอริ (เป็น ๖ กับลัคนา) เป็นคนที่มีศัตรูมาก ขยันสร้างศัตรู (บางทีก็สร้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว) แต่มีข้อดีคือศัตรูทำร้ายมิได้ จะแคล้วคลาดรอดพ้นจากภัยร้ายที่เกิดจากศัตรู
- ภพปัตนิ (เป็น ๗ กับลัคนา) จะมีคู่ยาก เพราะมีคู่อธิษฐานมาตั้งแต่อดีตชาติ ถ้ายังไม่เจอคู่บุพเพสันนิวาสก็จะไม่ได้กัน นอกเสียจากจะมีคู่เป็นคนต่างชาติต่างภาษา หรือเป็นคนพิเศษที่มีดาวเกตุถึงลัคนา หรือไม่ก็เป็นมฤตยูไปเลยจึงจะได้
- ภพมรณะ (เป็น ๘ กับลัคนา) จะไม่ป่วยไข้ เพราะเกตุคอยปกป้องไว้ไม่ให้เสื่อม ไม่ให้ป่วย เจ็บไข้ไม่สบายจะหายไว ไม่ต้องกินยาหาหมอ
- ภพศุภะ (เป็น ๙ กับลัคนา) จะเป็นคนใจบุญ ใจอ่อน ขี้สงสาร ชอบช่วยเหลือผู้คน ชอบทำบุญกุศล มักจะเคร่งหลักธรรมศาสนา
- ภพกัมมะ (เป็น ๑๐ กับลัคนา) เป็นคนที่ทำงานไฮเทคล้ำยุคได้ดี ส่วนใหญ่จะเป็นงานช่วยเหลือ ช่วยคิด ช่วยออกแบบ งาน support ต่างๆ เป็นตัวช่วยที่มีประโยชน์กับทีมงานอย่างมาก
- ภพลาภะ (เป็น ๑๑ กับลัคนา) เป็นคนที่มีเหตุปัจจุบันทันด่วนอยู่ตลอด เกิดเหตุปุบปับ มักมีเหตุที่ไม่ได้วางแผนล่วงหน้าอยู่เสมอ
- ภพวินาศะ (เป็น ๑๒ กับลัคนา) มักจะพบเหตุที่น่าจะวิกฤติ น่าจะพินาศเสียหาย แต่ก็มีบุญช่วยให้รอดพ้นมาได้ทุกครั้ง
ดาวเกตุเป็นดาวธาตุวิญญาณ
ดาวเกตุมีความพิเศษกว่าดาวเคราะห์อื่นๆ เพราะเป็นดาวที่ไม่มีอยู่จริง มีการโคจรตามเข็มนาฬิกา สวนกับทิศทางจักรราศี เช่นเดียวกับดาวราหู โหราจารย์นับดาวเกตุเป็นวิญญาณธาตุ จึงไม่มีดาวคู่ธาตุ และ ไม่มีดาวคู่มิตร คู่สมพล คู่ศัตรูด้วย
แต่ดาวเกตุนั้นมีฤทธิ์มีอิทธิพล คอยเร่งและส่งเสริมให้ดาวที่มากระทบแสดงผลเร็วและแรงขึ้น หากเป็นดาวศุภเคราะห์ก็ส่งเสริมให้ดีงามเลิศเลอ หากเป็นดาวบาปเคราะห์ก็ส่งเสริมให้รุนแรงเด็ดขาด นับเป็นแรงผลักดันที่ให้ทั้งคุณและโทษพอๆกัน
ผลของดาวเกตุที่เกิดกับดาวที่มากระทบนั้น จะให้ผลคล้ายกับดาวเจ้าเรือนเกษตรที่ดาวเกตุไปสถิตอยู่ ซึ่งทีมงานจะขอยกไปอธิบายรวมกันในเรื่องต่อไป
เมื่อเรากล่าวว่าดาวเกตุมีฤทธิ์เดชส่งเสริมดาวที่มากระทบให้ส่งผลสุดๆ นั้น ก็ยังมีข้อยกเว้น สำหรับ ดาวราหูและดาวมฤตยู นั่นคือ
- ดาวราหูเปรียบเป็นส่วนหัวของเกตุ เกตุจึงไม่ได้เร่งให้ดาวราหูมีความวุ่นวายมากขึ้น เพราะเมื่อหัวกับหางมาเจอกันส่งผลให้ความเป็นวิญญาณของทั้งราหูและเกตุลดลง มีความธรรมดามากขึ้น ยึดถือเรื่องส่วนตนเป็นหลัก จึงมีลักษณะเห็นแก่ตัว ทั้งที่เดิมทีทั้งราหูและเกตุ มักเห็นแก่คนอื่นจนลืมตัวเอง นี่เป็นปรากฏการณ์ที่นักพยากรณ์ควรสังเกตุให้ดี
- ดาวมฤตยูก็ไม่ถูกเร่งสรรพคุณด้วยดาวเกตุ เพราะเมื่อกระทบกัน ผลที่เกิดขึ้นคือ บุญกับกรรม ไม่มีใครเอาชนะใครได้ ในการพยากรณ์จึงต้องกล่าวว่าผลที่จะเกิดขึ้นนั้น ไม่อาจคาดเดา บุญและกรรมจะทำงานของมัน นักพยากรณ์ไม่อาจล่วงรู้บุญกรรมเก่าเฉพาะเรื่องของเจ้าชะตาได้ เราจึงควรทำนายเป็นกลางๆ ไว้ ว่าไม่ควรคาดหวังอะไรให้มาก สิ่งที่หวังจะไม่ได้ สิ่งที่ได้ก็กลายเป็นเรื่องไม่คาดหวัง
เมื่อดาวเกตุส่งกระแสสัมพันธ์ถึงดาวอื่น และ ดาวเกตุสถิตในเรือนเกษตรจะส่งผลอย่างไร
ในตอนนี้จะกล่าวถึงผลของดาวเกตุที่ส่งกระแสสัมพันธ์ถึงดาวอื่นเช่น ทับ เล็ง โยค ว่าจะส่งผลให้ดาวอื่นมีปฏิกิริยาอย่างไร และอีกประการหนึ่ง เมื่อดาวเกตุไปสถิตในราศีต่างๆ จะส่งผลสะท้อนไปถึงดาวเจ้าเรือนเกษตรประจำราศีอีกด้วย มีรายละเอียดดังนี้ค่ะ
- เมื่อดาวเกตุกระทบกับดาวอาทิตย์ หรือ ดาวเกตุสถิตราศีสิงห์ ซึ่งเป็นเรือนเกษตรของดาวอาทิตย์
ส่งผลให้เจ้าชะตามีความเจริญดีกว่าตระกูลหรือพ่อแม่ จะมีตำแหน่งหน้าที่ยศศักดิ์สูง มีคนยกย่องให้เป็นหัวหน้า-ผู้นำ แต่มักมีนิสัยเป็นคนเอาแต่ใจ กล้าได้กล้าเสีย ดุดัน ใจคอห้าวหาญสู้ไม่ถอย ไม่อ่อนน้อมยอมใคร กระทำสิ่งใดมักขาดความยั้งคิด มักเอาแต่ใจ ถือความต้องการของตนเองเป็นที่ตั้ง ทำงานมุ่งมั่นหามรุ่งหามค่ำ งานในหน้าที่ไม่เสร็จไม่เลิกรา เวลาดี-ก็ดีใจหาย เวลาร้าย-ก็ร้ายเหลือทน
- เมื่อดาวเกตุกระทบกับดาวจันทร์ หรือ ดาวเกตุสถิตราศีกรกฎ ซึ่งเป็นเรือนเกษตรของดาวจันทร์
ส่งผลให้เจ้าชะตาเจ้าชะตามีปัญญาดี มีจริยธรรม มีอัธยาศัยไมตรี มีเสน่ห์ปลายจวัก ผัวรักผัวหลง มักเก่งเรื่องงานบ้านการเรือน ทำสิ่งใดก็เอาใจใส่ มีความละเอียดถี่ถ้วน รูปงาม นามเพราะ เข้ากับคนง่าย มักเป็นที่รักของผู้คนที่อยู่ใกล้ อยู่กับใครใครก็รัก
- เมื่อดาวเกตุกระทบกับดาวอังคาร หรือ ดาวเกตุสถิตราศีเมษ หรือ ราศีพิจิก ซึ่งเป็นเรือนเกษตรของดาวอังคาร
ส่งผลให้เจ้าชะตาเก่งกล้าสามารถ เป็นหน่วยรบจู่โจมดี ไม่รู้จักความพ่ายแพ้ จะมีความกล้าชนิดไม่กลัวเป็นกลัวตาย มักเอาแต่ใจตนเป็นใหญ่ เป็นคนสู้ไม่ถอย ดื้อรั้น ไม่ยอมรับผิด เป็นผู้ร้ายปากแข็ง ต้องจนด้วยหลักฐานถึงยอมรับ รักสนุก ชอบของมึนเมา
- เมื่อดาวเกตุกระทบกับดาวพุธ หรือ ดาวเกตุสถิตราศีมิถุน หรือ ราศีกันย์ ซึ่งเป็นเรือนเกษตรของดาวพุธ
ส่งผลให้เจ้าชะตามีวาทะศิลป์หาตัวจับยาก พูดแล้วคนเชื่อ สามารถพูดเป็นหลักเป็นเกณฑ์ หากินกับการพูดได้ ใช้คำพูดจาหว่านล้อมคนเก่ง เจอคนร้อนพูดให้เย็นได้ เจอคนเย็นพูดให้ร้อนก็ทำได้ โกหกคนยังเชื่อ
- เมื่อดาวเกตุกระทบกับดาวพฤหัส หรือ ดาวเกตุสถิตราศีมีน หรือราศีธนู ซึ่งเป็นเรือนเกษตรของดาวพฤหัส
ส่งผลให้เจ้าชะตาเป็นผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ รู้ลึก รู้จริง เรียนเก่ง เรียนเร็ว มากประสบการณ์ มีคนนับถือในความรู้ความสามารถ มักเรียนศาสตร์แปลกๆ อาคมของขลัง ยกตัวอย่างให้คนเข้าใจได้อย่างน่าทึ่ง มักเรียนควบสองวิชา พร้อมเรียนรู้และบอกสอนตลอดชีวิต ถ้าทำงานมักทำงานเก่ง ทำงานได้หลายหน้าที่ หาคนทำแทนได้ยาก
- เมื่อดาวเกตุกระทบกับดาวศุกร์ หรือ ดาวเกตุสถิตราศีพฤษภ หรือราศีตุล ซึ่งเป็นเรือนเกษตรของดาวศุกร์
ส่งผลให้เจ้าชะตาดูสวยหล่อสง่างาม แก่เท่าไหร่ก็ดูไม่แก่ สวยไม่สร่าง เป็นสาวสองพันปี คู่ครองมักหลงใหลไม่ให้ห่างกาย เป็นคนที่แต่งกายขึ้น ดูดีมีสง่าราศี สุขในกามคุณ หน้าตาดี มักมีคนชื่นชม และมักจะมีปัญญาเฉลียวฉลาดทันคน
- เมื่อดาวเกตุกระทบกับดาวเสาร์ หรือ ดาวเกตุสถิตราศีมังกร หรือ ราศีกุมภ์ ซึ่งเป็นเรือนเกษตรของดาวเสาร์
ส่งผลให้เจ้าชะตากล้าบ้านบิ่น ไม่ยอมใครทั้งนั้น ไม่กลัวเป็นกลัวตาย ทำงานเป็นหน่วยกล้าตายดี ยอมตายแทนเพื่อน ตายแทนคนอื่นได้ มักมีนิสัยดื้อ หน้ามึน เอาแต่ใจตน ชอบทำเรื่องเสี่ยงตาย เกือบตายหลายหนแต่ก็รอดมาได้
ดาวเกตุกับพรรคพวก
ดาวเกตุเมื่ออยู่ลำพังมีพลังในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ บุญช่วย เทพเทวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือ แต่เมื่อดาวเกตุได้พรรคพวกที่เข้ากันได้มาระดมกำลังกันเกิดเป็นกลุ่มดาวที่ส่งผลเป็นความยิ่งใหญ่มีกำลังกล้าแข็ง แต่ดาวเกตุมีพรรคพวกเพียงกลุ่มเดียว คือกลุ่มดาวเทวดา ๕๘๙๐
- ก๊กวิญญาณ ๕๘๙๐ หรือชุมนุมดาวเทวดา ประกอบด้วย ดาวพฤหัส ดาวราหู ดาวเกตุ และดาวมฤตยู เมื่อ ๕๘๙๐ ร่วมราศี หรือ โยคถึงกัน และส่งผลถึงลัคนา จะทำให้เป็นคนที่มีความเชื่อศรัทธาหรืองมงายในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พลังลึกลับ สิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น มีสัมผัสพิเศษ ใครมาดีมาร้ายรู้ เป็นคนแปลกๆ ไม่ทำตามค่านิยมของสังคมสักเท่าไหร่ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง มักมุ่งหวังเรื่องหลุดพ้น นิพพาน หรืออยากมีดวงตาเห็นธรรม หากอุทิศตนเพื่อคนอื่นก็จะได้ประสบความสำเร็จ ยิ่งเสียสละก็จะยิ่งได้มา แต่ถ้ายิ่งไขว่คว้าด้วยความเห็นแก่ตัว จะกลับกลายเป็นความล้มเหลว
ด้วยสำนึกในพระคุณครู
กราบแทบบาทครูบาอาจารย์เจ้า ผู้คอยเฝ้าสอนสั่งศิษย์ทั้งหลายฯ
ทีมงานตาณฑวะ