ดาวพฤหัสบดี

เหตุผลที่นักพยากรณ์ต้องรู้เรื่องดาว

สวัสดีค่ะ พบกับทีมงานตาณฑวะ ในรายการ “คุยเรื่องดาว เล่าเรื่องดวง” วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับดาวพฤหัสบดีกันค่ะ รายละเอียดต่างๆ ของดวงดาวจะทำให้นักพยากรณ์มีความเข้าใจมิติต่างๆของดวงดาว เช่น บุคลิก, ลักษณะ, ความคิดอ่าน, ความเห็น, ความต้องการ, เรื่อยไปจนถึงอารมณ์ และประสาทสัมผัสของดวงดาว เป็นต้น ยิ่งเรามีความเข้าใจในดวงดาวมาก การพยากรณ์ตามดวงดาวก็จะถูกต้องแม่นยำมากตามไปด้วย ครูบาอาจารย์ที่สอนวิชาโหราศาสตร์มักจะให้ลูกศิษย์คัดลายมือเรื่องดวงดาวเป็นการบ้านเพื่อให้สามารถจดจำและนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง

ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 5 ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์แก๊ส เช่นเดียวกับดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ในทางโหราศาสตร์จัดเป็นหนึ่งในดาวนพเคราะห์ที่มีความสำคัญ เพราะเป็นดาวที่เป็นตัวแทนของคุณธรรม คุณงามความดี และความบริสุทธิ์ ตำราโหราศาสตร์ไทยกล่าวไว้ว่า “ปัญญาบริสุทธิ์ทายพฤหัส” ถ้าดวงชะตาใดมีพฤหัสดี เจ้าชะตาย่อมมีจิตใจงดงาม ความคิดสูงส่ง และฝักใฝ่ในทางดี ว่ากันว่า “แม้ดาวในจักรราศีเสียหายทุกดวง ถ้ามีดาวพฤหัสที่ดีดวงเดียวก็ช่วยได้” ดาวพฤหัสจึงเป็นดวงดาวที่น่าสนใจ เป็นดาวใหญ่ที่ให้คุณกับดวงชะตาเสมอ เวลามีเคราะห์หามยามร้ายดาวพฤหัสก็สามารถช่วยเจ้าชะตาให้พ้นเคราะห์ได้ ถึงแม้จะโคจรเข้ามาในภพที่เสีย คือ ภพอริ มรณะ วินาศะ ก็ส่งผลร้ายแค่ไม่ให้ความช่วยเหลือ เรามาดูรายละเอียดของดาวพฤหัสกันต่อเลยค่ะ

Let's join our channel
ดาวพฤหัสบดีในทางวิทยาศาสตร์
  • ชื่อภาษาละตินของดาวพฤหัสบดีคือ “Jupiter” ซึ่งตั้งตามชื่อเทพจูปิเตอร์ ซึ่งเป็นราชาแห่งเทพ (เทียบเท่ากับ ซูส หรือ ซีอุส (Zeus) ของกรีก)
  • ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 5 มีขนาดใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวกว่าโลก 11 เท่า มีน้ำหนักมากกว่าโลก 318 เท่า และมีปริมาตรคิดเป็น 1,300 เท่าของโลก ดาวพฤหัสบดีมีรูปร่างกลมแป้น ห่อหุ้มด้วยชั้นบรรยากาศที่ประกอบไปด้วย ไฮโดรเจน 90% ฮีเลียม 10% และ มีเทน น้ำ แอมโมเนีย ปะปนเพียงเล็กน้อย แกนกลางของดาวพฤหัสบดีเป็นหินแข็ง ซึ่งมีขนาดประมาณ 2 เท่าของโลก มีร่องรอยที่เด่นชัดคือ “จุดแดงใหญ่” ที่รู้จักกันมานานกว่า 300 ปี มีลักษณะเป็นวงรี เห็นได้จากการดูผ่านกล้องโทรทรรศน์ จุดแดงนี้แผ่กว้างถึง 25,000 กิโลเมตร คือพายุหมุนที่เกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศของดาวพฤหัสบดี ใหญ่พอที่จะบรรจุโลกได้ 2 ใบ และไม่รู้ว่าพายุนี้จะจางหายไปเมื่อไร
  • เรามาดูองค์ประกอบของดาวพฤหัสบดีกันค่ะ ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์แก๊ส ถ้าเราดูดาวอื่นๆ ในระบบสุริยะ จะเห็นว่ามีดาวเคราะห์แก๊สดวงอื่นๆ อีก 3 ดวงคือ ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน
  • ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวที่หมุนรอบตัวเองเร็วที่สุดในกลุ่มดาวนพเคราะห์ ใช้เวลาเพียง 10 ชั่วโมงต่อ 1 รอบ แต่โคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบใช้เวลาประมาณ 12 ปี (สำหรับทางโหราศาสตร์คือ ยกย้ายราศีทุก 1 ปี ครบวงรอบก็ใช้เวลาประมาณ 12 ปีตรงกันกับทางวิทยาศาสตร์พอดี)
  • ดาวพฤหัสบดีมีดาวบริวารอย่างน้อย 63 ดวง เป็นดาวบริวารทรงกลมขนาดใหญ่ 4 ดวง ได้แก่ ไอโอ, ยูโรปา, แกนีมีด และคัลลิสโต ค้นพบโดย กาลิเลโอ เมื่อ ค.ศ. 1610 จึงมีการเรียกชื่อดวงจันทร์ทั้ง 4 นี้ว่า “ดวงจันทร์กาลิเลียน” (Galilean moons) เพื่อเป็นเกียรติให้กับกาลิเลโอซึ่งเป็นผู้ค้นพบ นอกจากนี้ ยานสำรวจวอยเอเจอร์ 1 พบว่าดาวพฤหัสบดีมีวงแหวนเช่นเดียวกับดาวเสาร์ แต่มีขนาดเล็กและบางกว่ามาก วงแหวนของดาวพฤหัสบดีประกอบด้วยหินและฝุ่น จึงไม่สว่างเหมือนดาวเสาร์ เพราะวงแหวนดาวเสาร์ประกอบด้วยน้ำแข็งที่สะท้อนแสงได้ดีกว่า
ดาวพฤหัสบดีในทางคติโรมัน
  • เมื่อเทียบกับความเชื่อทางตะวันตกแล้ว พระพฤหัสบดีเทียบได้กับ จูปิเตอร์ (Jupiter) หรือ ซูส (Zeus) เป็นราชาแห่งเทพ มีหน้าที่คอยดูแลสวรรค์และโลกมนุษย์ รวมถึงเป็นผู้ปกครองเขาโอลิมปัส
  • จูปิเตอร์ เป็นเทพเจ้าแห่งท้องฟ้าและสายฟ้า ใช้สายฟ้า (Thunder Bolt) เป็นอาวุธ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์คือพญาอินทรี จะสังเกตได้ว่ากองทัพโรมันมักใช้นกอินทรีเป็นสัญลักษณ์ของกองทัพ นอกจากนี้ยังมีการใช้รูปสัญลักษณ์ “อินทรีกำสายฟ้าในกรงเล็บ” (แทนจูปิเตอร์) ปรากฎบนเหรียญของกรีกและโรมัน และพฤกษาศักดิ์สิทธิ์ของจูปิเตอร์ คือ ต้นโอ๊ก (Aok)
  • จูปิเตอร์ เป็นเทพเจ้าที่ผู้คนนับถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ ยุติธรรมและยึดถือธรรมาภิบาล จูปิเตอร์เป็นน้องชายของเนปจูนและพลูโต ทั้งสามองค์เป็นใหญ่ในสามอาณาเขต ได้แก่
    • จูปิเตอร์ หรือ ซูส (Zeus) ปกครอง ท้องฟ้า
    • เนปจูน หรือ โพไซดอน (Poseidon) ปกครอง มหาสมุทร และ
    • พลูโต หรือ เฮดีส (Hades) ปกครอง โลกบาดาล
  • จูปิเตอร์มีภรรยาชื่อเทพี “จูโน” ซึ่งต่างก็เป็นบุตรและธิดาของเทพ “โครนอส หรือ แซตเทิร์น” (เทพประจำดาวเสาร์) ในปกรณัมของกรีกและโรมัน พี่น้องมักแต่งงานกันเองเพื่อสืบเชื้อสายบริสุทธิ์
  • ประวัติของจูปิเตอร์หรือซูสก็น่าสนใจ เรามาเล่าสู่กันฟังแบบเร็วๆ เลยนะคะ
    • เริ่มจากเทพีไกอา (Gaia) มารดาแห่งโลก สมรสกับเทพยูเรนอส (Ouranos) เทพแห่งท้องฟ้า มีบุตรกลุ่มแรกเป็นเทพไททัน (Titan) ที่เราเห็นเป็นยักษ์รูปร่างใหญ่โตมีพละกำลังมหาศาล เป็นบุตรที่ยูเรนอสภาคภูมิใจ และเทพีไกอาก็มีบุตรองค์ต่อๆ มาเป็นยักษ์ตาเดียว ไซคลอปส์ (Cicrop) กับอสุรกายหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวอื่นๆ ทำให้ยูเรนอสไม่พอใจและขังบุตรเหล่านั้นไว้ใต้พิภพ
    • เทพีไกอาแค้นสามีที่ขังบุตร (อสุรกาย) ของนาง จึงยุยงให้บุตรที่เป็นไททันก่อกบฎ เหล่าไททันพี่น้องไม่สามารถเอาชนะบิดาได้ ยกเว้น ไททันที่ชื่อ โครนอส (Cronus หรือ Saturn เทพประจำดาวเสาร์) องค์เดียว ที่ร่วมมือกับมารดา (ไกอา) และสามารถชิงอำนาจจากบิดาได้สำเร็จ แต่โครนอสก็ผิดสัญญากับมารดาที่จะปลดปล่อยน้องๆ อสุรกายทั้งหลายออกมา พระนางไกอาผู้เป็นมารดาจึงได้สาปแช่งโครนอสว่า บุตรของโครนอสจะชิงอำนาจเหมือนกับที่โครนอสเคยชิงอำนาจจากบิดาดุจกัน
    • หลังจากโดนมารดาสาปแช่ง โครนอสก็เกิดความวิตกขึ้นมา เมื่อพระชายารีอา (Rhea) ภรรยาของโครนอส ตั้งครรภ์และคลอดบุตรธิดาออกมา ก็ถูกจับโครนอสจับกลืนลงท้องไปหมด ได้แก่ เฮสเทีย (Hestia) เฮดีส (Hades) ดีมิเตอร์ (Demeter) โพไซดอน (Poseidon) และ เฮรา (Hera) มีเพียง ซูส (Zeus) องค์เดียวที่หนีออกมาได้ และซูสนี่เองที่กลับมาช่วยพี่น้องของเขาออกมาในภายหลัง
    • เมื่อดูประวัติแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่า โครนอส หรือ แซทเทิร์น เทพดาวเสาร์ เป็นเทพที่ชิงอำนาจจากพระบิดา ก็ตรงกับนิสัยดาวเสาร์ที่มั่นใจว่าตนเองเก่งกว่าพ่อ และไม่ถูกกันกับ ซูส หรือ จูปิเตอร์ เทพดาวพฤหัสบดี เพราะจูปิเตอร์เป็นบุตรที่ชิงอำนาจจากบิดา ซึ่งในทางโหราศาสตร์ดาวเสาร์และดาวพฤหัสก็นับเป็นดาวคู่ศัตรูกันด้วย
พระพฤหัสบดีในทางคติไทย
  • พระพฤหัสบดี (เทวนาครี: बृहस्पति พฤหสฺปติ) เป็นเทวดานพเคราะห์ ถูกสร้างขึ้นมาจากพระศิวะ พระศิวะทรงนำฤๅษี ๑๙ ตน บดป่นเป็นผง ห่อผ้าสีเหลืองส้ม ประพรมด้วยน้ำอมฤต แล้วเสกได้เป็นพระพฤหัสบดี มีพระวรกายสีส้มทอง มี 2 กร ทรงเครื่องผนวชฤๅษี นุ่งห่มหนังเสือ สวมลูกประคำ ทรงเครื่องประดับเป็นทองคำ แก้วบุษราคัมและแก้วไพฑูรย์ ทรงมฤค (กวาง) เป็นพาหนะ ประจำอยู่ทิศตะวันตก
  • พระพฤหัสบดี แสดงถึงอักษรวรรค ปะ (บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม) เรียกว่า มุสิกนาม (คนเกิดวันพฤหัสบดี หรือคนที่มีดาวประจำตัวเป็นดาวพฤหัสบดีมักใช้อักษรเหล่านี้เป็นอักษรมงคล)
  • พระพฤหัสบดีเป็นครูของเทวดาทั้งหลาย จึงมักถูกเรียกขานกันว่า เทวคุรุ, คุรุเทพ หรือเทวาจารย์ ตามประเพณีนิยมมักทำพิธีไหว้ครูในวันพฤหัสบดี ครูในสมัยก่อนมักจะเลือกวันเปิดคอร์สเริ่มสอนวิชาต่างๆ ในวันพฤหัส เพราะถือว่าเป็น “วันครู” เป็นวันมงคลที่ครูบาอาจารย์จะให้พรประสิทธิ์ประสาทวิชาแก่ลูกศิษย์ลูกหา
  • ในไตรภูมิพระร่วง พระพฤหัสบดีมีวิมานลอยอยู่รอบเขาพระสุเมรุด้านทิศตะวันตก วิมานมีขนาดใหญ่ ๑๗ โยชน์ รัศมีขาวเหลืองดังมุก
  • พระนามอื่นๆ ของพระพฤหัสบดี เช่น พระชีวะ, พระชีโว, พระคุรุ, พระคุณากร, พระวริษฐ์, พระสวรรณกาย เป็นต้น
พระพฤหัสบดีในทางคติฮินดู
  • พระพฤหัสบดี ในคติฮินดู มีพระนามว่า “พฤหัสปติ” แปลว่า ผู้เป็นใหญ่ หรือ ผู้เป็นหัวหน้าในหมู่ผู้สวดอ้อนวอน เพราะมีหน้าที่นำสวดพระเวทในเวลาประกอบพิธีกรรม เป็นครูและที่ปรึกษาของเทวดาทั้งหลาย
  • พระพฤหัสปติเป็นบุตรของฤๅษีอังคิรส กับพระนางสมฤติ (สะมะรึติ) พระพฤหัสปติเป็นเทพแห่งความยุติธรรม ความถูกต้อง รอบรู้ มากด้วยปัญญา สุขุมรอบคอบ สั่งสอนศิษย์ด้วยเมตตาบริสุทธิ์ มีความจริงใจ เป็นผู้ให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
  • พระศิวะทรงแต่งตั้งให้พระพฤหัสปติเป็นคุรุแห่งเหล่าเทวดา ทรงเป็นทั้งเทวฤๅษี เทวคุรุ และเทวดานพเคราะห์
  • พระพฤหัสปติเป็นเทพประจำดาวพฤหัสบดี เป็นเทพแห่งสติปัญญา ความรู้ พลังญาณ การศึกษาเล่าเรียน เป็นเทพประจำเหล่าครูบาอาจารย์และฤๅษีมุนี
  • ในคติฮินดู พระพฤหัสบดีเป็นเทวฤๅษี มีกายสีทอง รูปร่างสูงใหญ่ ไว้หนวดเครา มี ๔ กร ทรงอาวุธหลายชนิด เช่น ลูกประคำ คัมภีร์ หม้อน้ำ ไม้เท้า หอก ธนู ศร จักร สังข์ คทา ดอกบัว ดาบ เป็นต้น พระพฤหัสปติมีรัศมีสีทอง มุ่นมวยผมอย่างฤๅษี สวมลูกประคำ สวมอาภรณ์สีทอง ทรงเครื่องประดับด้วยทองคำ แก้วบุษราคัมและแก้วไพฑูรย์ ทรงช้างเป็นพาหนะ
ดาวพฤหัสบดีในทางโหราศาสตร์

พระพฤหัสบดีเป็นเทวดานพเคราะห์ประเภทศุภเคราะห์ ดาวศุภเคราะห์เป็นดาวที่ให้คุณแบบนุ่มนวล แต่ก็มีความเนิบนาบเชื่องช้า กว่าจะให้ผลเต็มที่ 100% ก็ตอนที่จะโบกมือลายกย้ายราศีออกไปแล้ว ในตำรากล่าวว่า “ดาวพฤหัสบดีให้ผลดังเช่นนิสัยแห่งพระฤๅษี” นั่นคือ ผู้ใดเกิดวันพฤหัสบดี หรือมีพระพฤหัสบดีสถิตร่วมกับลัคนา มักทำอะไรด้วยความระมัดระวัง สุขุมรอบคอบ ใฝ่รู้ใฝ่เรียน เมตตาปรานีต่อผู้อื่น

  • ตามนิทานชาติเวร เล่าไว้ว่า พฤหัสบดีเป็นมิตรกับพระอาทิตย์ และเป็นศัตรูกับพระจันทร์
    • เรื่องมีอยู่ว่า ครั้งหนึ่ง พระพฤหัสบดีเกิดเป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ พระอาทิตย์เกิดเป็นมานพหนุ่ม พระจันทร์เกิดเป็นบุตรีอาจารย์ทิศาปาโมกข์ พระอังคารเกิดเป็นวิทยาธร มานพหนุ่มได้มาเล่าเรียนวิชากับอาจารย์ทิศาปาโมกข์ จนสำเร็จวิชา อาจารย์จึงยกบุตรีให้ และให้ใส่นางไว้ในผอบทองเพื่อจะได้ปลอดภัย วันหนึ่งมานพไปหาผลไม้ในป่า วิทยาธรได้ลักลอบมาเป็นชู้กับบุตรีอาจารย์ อาจารย์เข้าฌานและได้เห็นความประพฤติชั่วของบุตรี จึงคิดอุบายขึ้นมา วันหนึ่งมานพกลับมาเยี่ยมอาจารย์ อาจารย์ได้หยิบเชี่ยนหมากออกมารับรองไว้สองเชี่ยน มานพเห็นผิดธรรมเนียมจึงไต่ถาม อาจารย์จึงให้รีบกลับไปที่เรือนและเปิดผอบดูเถิด เมื่อมานพหนุ่มกลับมา เปิดผอบพบนางผู้เป็นภรรยาเป็นชู้กับวิทยาธร วิทยาธรเห็นดังนั้นก็ตกใจ หยิบพระขรรค์ฟันศีรษะมานพหนุ่ม ส่วนมานพขว้างจักรเพชรไป ถูกขาวิทยาธรขาด
    • ตั้งแต่นั้น พระพฤหัสบดีจึงเป็นมิตรกับพระอาทิตย์ (คู่พ่อตากับลูกเขย) ส่วนพระจันทร์เป็นศัตรูกับพระพฤหัสบดี (คู่ลูกสาวกับบิดา) และพระอาทิตย์เป็นศัตรูกับพระอังคาร (คู่สามีกับชู้)
  • ในโหราศาสตร์ไทย พระพฤหัสบดีถูกแทนด้วยสัญลักษณ์ ๕ (เลขห้าไทย) และด้วยเหตุที่สร้างขึ้นมาจากฤๅษี ๑๙ ตน จึงมีกำลังพระเคราะห์เป็น ๑๙
  • สำหรับพระประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดีก็คือ พระพุทธรูปปางสมาธิ
การพยากรณ์สำหรับคนที่มีดาวพฤหัสบดีส่งผลถึงลัคนา

ตามที่ได้ทำความรู้จักกับดาวพฤหัสกันแล้วว่าดาวพฤหัสเป็นดาวแห่งสติปัญญา ความรู้และคุณธรรม ในตอนนี้เราก็จะมาดูการพยากรณ์บุคคลที่ดาวพฤหัสส่งผลถึง ว่าจะได้รับผลจากดาวพฤหัสอย่างไรบ้าง

  • ในทางกายภาพ บุคคลที่มีดาวพฤหัสส่งผลถึงจะมีร่างกายสันทัด สูงพอประมาณ ร่างกายสมส่วน ออกท้วมนิดหน่อย ถ้าเราดูใบหน้าจะมีส่วนเด่นที่สุดคือหน้าผาก (มองดูแล้วเด่นที่หน้าผากกว้าง) ใบหน้ากว้าง ลักษณะหน้าเหลี่ยมมีเนื้อแก้ม และมีสีหน้าสงบ สุขุม น่านับถือศรัทธา มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับปู่ย่าตายายหรือบรรพบุรุษ
  • คนที่มีดาวพฤหัสส่งผลถึงลัคนา จะมีประสาทสัมผัสไวต่อรส สัมผัสได้ครบถ้วนทุกรสชาติ ลิ้มรสแล้วสามารถแยกแยะส่วนผสมได้
  • ดาวพฤหัสที่ส่งผลถึงลัคนายังหมายถึงสุขภาพหรือหรือ โรคประจำตัว คือ มักจะเป็นโรคกระเพาะอาหาร หรือโรคเกี่ยวกับหัวใจ
  • อายุขัยของบุคคลที่เป็นดาวพฤหัสประมาณ 80 ปี หากมีดาวคู่มิตรคู่ธาตุคู่สมพลส่งเสริมก็จะยืนยาวมากขึ้น และในทางกลับกัน หากมีดาวคู่ศัตรูมาก็จะเป็นตัวตัดทอนให้สั้นลง
  • ในทางบุคลิกภาพ บุคคลที่มีดาวพฤหัสส่งผลถึงจะมีบุคลิกสุภาพ เรียบร้อย คงแก่เรียน เมื่อเข้าหาผู้ใหญ่ก็นอบน้อม ชอบเข้าหาพูดคุยกับผู้อาวุโส รู้กาละเทศะ วางตัวได้ดี มีผู้ใหญ่เมตตา
  • เมื่อยามพูดจะพูดด้วยเสียงที่พอดี พูดเป็นตำรับตำรา น่าฟัง มีหลักการ วางตัวดีมีความหนักแน่น หากไม่พอใจมักจะออกอาการขี้บ่น รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เป็นคนชอบบอกชอบสอน
  • ในเรื่องการกินอยู่ จะเป็นคนกินอยู่แบบสมถะ พอเพียง ชอบกินอาหารรสอ่อน รสกลมกล่อม กินของดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย ท่าเดินของคนที่มีดาวพฤหัสจะเดินปลายเท้าเป็นจังหวะแน่นอน
  • ในทางอุปนิสัย บุคคลที่มีดาวพฤหัสส่งผลถึงจะมีความคิดว่า อยากให้คนเชื่อฟัง อยากเก่ง อยากมีความรู้ อยากให้ลูกศิษย์ได้ดี จึงฝักใฝ่ในการเรียนรู้ เพราะอยากนำความรู้ไปบอกสอนให้ผู้อื่น
  • คนที่มีดาวพฤหัส จะเป็นคนยึดหลักการ มีเหตุผล อารมณ์ไม่ร้อนแรง แต่มักจะป่วยด้วยโรคเครียดเมื่อลูกศิษย์ไม่ได้ดังใจ
  • บุคคลที่มีดาวพฤหัสเป็นคนประหยัดในการใช้จ่าย แต่งกายมิดชิด ดูเชยๆ ชอบของเก่าๆ เป็นคนอนุรักษ์นิยม เจ้าระเบียบ ชอบทำตามประเพณีเดิมๆ เป็นคนจู้จี้ขี้บ่น เวลาตัดสินใจจะใช้คุณธรรมนำหน้า มีปัญญาหลักแหลม ชอบโต้แย้งเรื่องธรรมะวิชาการต่างๆ ปกครองด้วยพระคุณไม่ใช้พระเดช มักไม่ประสบเภทภัย มีจิตใจบริสุทธิ์ยุติธรรม
  • ในทางการงานอาชีพ บุคคลที่มีดาวพฤหัสส่งผลถึงจะชอบเป็นครู อาจารย์ นักวิชาการ ชอบทำงานที่ได้บอก ได้สอน ได้ถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้อื่น มักทำงานในวงการการศึกษา แต่งหนังสือตำรับตำรา งานที่ต้องใช้ความรู้ ใช้ปัญญา
  • ส่วนเรื่องบ้านช่องที่อยู่อาศัย มักจะอยู่บ้านสองชั้นขนาดพอเหมาะ แบบบ้านธรรมดาตามยุคตามสมัย มักทำรั้วโปร่งๆ เพื่อให้เห็นบรรยากาศนอกบ้าน และเห็นคนเดินผ่านไปมา จะได้คอยทักทายลูกศิษย์ลูกหาที่มาเยี่ยมเยียน
ดาวพฤหัสบดีกับตำแหน่งทำเนียบต่างๆ

มาตรฐานดาว หรือตำแหน่ง ทำเนียบของดาว เป็นเรื่องที่นักพยากรณ์มีความรู้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ในตอนนี้เราก็จะมาดูเฉพาะเรื่องดาวพฤหัสบดีกันค่ะ

  • เกษตร ดาวพฤหัสบดีในราศีมีน และ ราศีธนู ได้ทำเนียบเกษตร จะส่งผลให้บุคคลนั้นมีการศึกษาที่ดี มีโอกาสได้รับความรู้เพิ่มพูนขึ้นอย่างช้าๆ ถูกต้องตามลำดับขั้นตอน ขยันหมั่นศึกษา มีความมั่นคงในคุณธรรมไม่โยกคลอนหรือหวั่นไหวไปกับกิเลส จึงมีจิตใจหนักแน่นไม่ถูกโค่นล้มได้โดยง่าย
  • อุจ (มหาอุจ) ดาวพฤหัสบดีในราศีกรกฎได้ทำเนียบอุจ หรือ มหาอุจ จะส่งผลให้บุคคลนั้นมีความโดดเด่นในการศึกษา วุฒิการศึกษาของบุคคลที่มีดาวพฤหัสบดีได้ทำเนียบมหาอุจ จะส่งผลให้ได้รับเกียรติ และมีศักดิ์ศรีสูงส่ง การสูงส่งขึ้นของทำเนียบมหาอุจ จะมีลักษณะโลดโผนหรือโดดเด่นมากกว่าดาวที่ได้ทำเนียบเกษตร
  • ราชาโชค ดาวพฤหัสบดีในราศีเมษได้ทำเนียบราชาโชค จะส่งผลให้บุคคลนั้นมีการศึกษาที่เพียบพร้อมสูงส่ง การสูงส่งขึ้นของราชาโชคจะมีลักษณะสะดวกสบาย เจ้าชะตาไม่ต้องดิ้นรนขวนขวาย เปรียบเหมือนมีคนจัดใส่พานถวายให้เลย
  • มหาจักร ดาวพฤหัสบดีในราศีพิจิกได้ทำเนียบหาจักร จะส่งผลให้บุคคลนั้นมีวุฒิการศึกษาสูงส่ง เป็นที่น่ายำเกรงหรือเป็นที่เกรงกลัวของคนทั้งหลาย การสูงส่งขึ้นของมหาจักรนั้นจะแตกต่างกับทำเนียบอื่น คือจะต้องต่อสู้ฟาดฟันเพื่อให้ได้มาซึ่งวุฒิบัตร ต่างกับราชาโชคหรือมหาอุจที่ดูจะสะดวกสบายกว่า
  • ประ และ นิจ สองทำเนียบนี้นับเป็นทำเนียบที่เสีย ดาวพฤหัสบดีในราศีมิถุนและกันย์ได้ทำเนียบประ และ ดาวพฤหัสบดีในราศีมังกรได้ทำเนียบนิจ ประแปลว่าเสื่อม นิจแปลว่าน้อยด้อยค่า (บางตำราแปลว่าเลว) นั่นก็คือ เมื่อดาวพฤหัสเป็นประเป็นนิจ จะส่งผลเสียในเรื่องการเรียนการศึกษา จะเอาดีทางวิชาการไม่ค่อยได้ อาภัพกว่าผู้อื่น และยังส่งผลให้เป็นคนไม่ชอบเรื่องระเบียบกฎเกณฑ์ อ่อนคุณธรรม ไม่ค่อยเชื่อในเรื่องบาปบุญคุณโทษ ไม่สนใจในการเรียนรู้ ไม่มองโลกกว้าง และไม่ฝักใฝ่ในการอนุรักษ์ของเก่าประเพณีดั้งเดิมต่างๆ
ดาวพฤหัสบดีกับภพต่างๆ ในดวงชะตา

เมื่อเรากล่าวถึงอานุภาพของดาวพฤหัสบดีไปแล้ว เราก็ต้องดูด้วยว่าดาวพฤหัสบดีส่งผลกับบุคลในเรื่องใดบ้าง ซึ่งดูได้จาก “ภพ” ที่ดาวพฤหัสบดีไปสถิตในดวงราศีจักร ถ้าดาวตกในภพที่ส่งผลถึงเช่น กุม เล็ง โยค กับลัคนา (บางตำราเรียกว่า เป็น ๑ ๓ ๕ ๗ ๙ ๑๑ กับลัคนา) ดาวก็จะมีอิทธิพลกับเจ้าชะตามาก แต่ถ้าดาวไปตกในช่องเบียน คือ อริ มรณะ วินาศะ ดาวก็จะไม่ค่อยส่งผล แต่ถ้าไปตกในช่องส่ง ดาวก็จะส่งผลเป็นกลางๆ ในตอนนี้เราจะมาดูว่าเมื่อดาวพฤหัสบดีสถิตในภพต่างๆ ของราศีจักรจะส่งผลถึงบุคคลอย่างไรบ้าง

  • ภพตนุ (เป็น ๑ กับลัคนา) จะเป็นคนมีร่างกายสันทัด สมส่วน ออกท้วม เป็นคนชอบเรียนเขียนอ่าน เป็นคนที่มีเพื่อนเด็กกว่าหรือคบคนสูงวัยไม่ค่อยคบเพื่อนวัยเดียวกัน จะทำสิ่งใดมักคำนึงถึงบาปบุญคุณโทษ รักความยุติธรรม บุคลิกเรียบร้อย สงบ น่านับถือศรัทธา เป็นคนเจ้าระเบียบ อยู่ในกรอบที่สังคมกำหนดไว้ว่าดี เป็นคนสมถะ พอเพียง ชอบบอกชอบสอน จู้จี้ขี้บ่น วัยหนุ่มสาวมักเจ้าชู้ เรื่องมากในการเลือกคู่
  • ภพกดุมภะ (เป็น ๒ กับลัคนา) จะเป็นคนสติปัญญาดี เรียนเรื่องใดก็เก่งกว่าคนทั้งหลาย เพราะสมองดี ชาญฉลาด มีความเข้าใจอย่างรู้แจ้งแทงตลอด เป็นคนเข้าใจง่าย เรียนรู้ได้แตกฉานกว่าใคร เรียนแล้วนำไปต่อยอดได้ มีความรู้เป็นดั่งทรัพย์
  • ภพสหัสชะ (เป็น ๓ กับลัคนา) มักมีเพื่อนเป็นคนสูงวัย ชอบคบคนแก่เป็นเพื่อน ทำสิ่งใดมักมีผู้ใหญ่อุปถัมภ์ ถ้าไม่ได้คบเพื่อนสูงวัยกว่า ก็จะมีปัญญามากกกว่าเพื่อนฝูงที่มีวัยพอๆ กัน
  • ภพพันธุ (เป็น ๔ กับลัคนา) จะเป็นคนที่ชอบขวนขวายหาความรู้ มักจะเรียนและฝึกฝนตนเองให้มีวิชาความรู้เหนือกว่าผู้อื่น เป็นคนที่คิดว่าไม่มีใครแก่เกินเรียน จึงเรียนไม่รู้จักจบ ถึงมีปัญญาดีก็คิดว่าปัญญาของตนนั้นด้อยกว่าผู้อื่น
  • ภพปุตตะ (เป็น ๕ กับลัคนา) ทำสิ่งใดมักรู้ในภายหลัง ต้องโง่มาก่อนเป็นประจำ มักจะมีลูกน้องบริวารที่เป็นผู้ใหญ่กว่ามาคอยช่วยเหลือ ลูกน้องและลูกหลานมีปัญญามากกว่า มีการศึกษาดีกว่าเจ้าชะตา มักจะถูกลูกหลานบริวารสั่งสอน
  • ภพอริ (เป็น ๖ กับลัคนา) เป็นคนไม่ค่อยเรียน ถ้าเรียนก็จะมีอุปสรรค เรียนช้ากว่าผู้อื่นหรือเรียนไม่จบ เป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ ไม่ศึกษาหาความรู้ ไม่ค่อยรับข่าวสาร ไม่ดูโลกกว้าง มักเห็นผู้ใหญ่เป็นศัตรู จึงไม่เชื่อฟัง และชอบเถียงผู้ใหญ่
  • ภพปัตนิ (เป็น ๗ กับลัคนา) จะได้คู่ครองอายุมากกว่า คู่ครองเป็นคนคงแก่เรียน คู่ครองเป็นคนสุขุมรอบคอบ วางตัวเป็นผู้ใหญ่ ได้คู่ครองที่เก่งกว่าตนเอง
  • ภพมรณะ (เป็น ๘ กับลัคนา) เป็นคนที่ไม่ได้ทำงานในเรื่องที่ศึกษาเล่าเรียนมา สิ่งที่เรียนมาไม่ได้ใช้ อายุมักไม่ยืน มักมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ
  • ภพศุภะ (เป็น ๙ กับลัคนา) มักเจริญในการเรียนการศึกษามากกว่าผู้อื่น เรียนดีกว่าผู้อื่น ถ้าทำงานทางด้านวิชาการ การศึกษาหรือการสอนจะได้รับความเจริญก้าวหน้าดี การวางตัวเป็นผู้ใหญ่ มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ดี
  • ภพกัมมะ (เป็น ๑๐ กับลัคนา) ได้ทำงานตรงกับเรื่องที่เล่าเรียนมา มักมีคนมาบอกมาสอนให้มีความรู้ ถ้าอยู่ในที่ทำงานมักจะได้รับหน้าที่เป็นคนบอกสอนให้กับเพื่อนร่วมงาน
  • ภพลาภะ (เป็น ๑๑ กับลัคนา) จะได้รับความสำเร็จในวิชาที่ศึกษาเล่าเรียน ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ หรือเป็นนักวิชาการ เป็นคนที่มีความรอบคอบชอบธรรม
  • ภพวินาศะ (เป็น ๑๒ กับลัคนา) มักจะต้องไปเรียนในแดนไกลจึงจะสำเร็จ ถ้าเรียนอยู่ในถิ่นกำเนิดเดิมมักเรียนไม่จบ เป็นคนที่ขาดคุณธรรม อ่อนกตัญญู มักมีเรื่องถูกฟ้องร้อง หรือมีเรื่องมีราวเป็นคดีความ
ความรู้เรื่องดาวพฤหัสบดี ดาวคู่มิตร คู่ธาตุ คู่สมพล คู่ศัตรู

ในตอนนี้เราก็จะกล่าวถึงดาวพฤหัสบดีเมื่อกระทบหรือส่งกระแสสัมพันธ์ถึงดาวอื่นๆ ว่าจะส่งผลดีร้ายอย่างไร ดาวที่กระทบกัน ถ้าถูกชะตากันก็จะส่งผลดี ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน หรือ ส่งผลให้เกิดผลประโยชน์ดีๆ ขึ้นมา และในทางกลับกัน เมื่อไปเจอคู่ศัตรูก็จะส่งผลในทางลบนั่นเอง

  • คู่แรกที่จะกล่าวถึงคือดาวคู่มิตร “อาทิตย์เป็นมิตรกับครู” ดาวคู่มิตร อาทิตย์-พฤหัส ส่งผลดีคือผู้หลักผู้ใหญ่เมตตาให้โอกาส มีความเจริญก้าวหน้าในทางการเรียนและการงานดี คือ “เจริญในความรู้คู่คุณธรรม”
  • คู่ที่สองคือดาวคู่ธาตุ พฤหัสบดีเป็นดาวธาตุดิน จึงเป็นคู่ธาตุดินกับดาวจันทร์ ต่างกันที่ดาวจันทร์เป็นดินเหลว ดินปนน้ำ ดินโคลน มีความชื้น เย็นชืด เป็นต้นกำเนิดของดิน แต่ดาวพฤหัสเป็นดินแข็ง มีเนื้อแน่น เมื่อรองรับดินเหลวจะกลายเป็นผืนแผ่นดิน ดาวคู่ธาตุดิน พฤหัส-จันทร์ ส่งผลเป็นความมั่นคง ปึกแผ่น
  • คู่ที่สามคือคู่สมพล (กำลังดาวรวมกันได้ 27) พฤหัสเป็นคู่สมพลกับดาวอังคาร ส่งผลดีเป็นการออดอ้อนเอาใจ ประจบประแจง รู้จักพูด รู้จักเข้าหาผู้ใหญ่ ตีตนเสมอผู้ใหญ่ (แต่ผู้ใหญ่รัก) ทำการใดมักมีผลประโยชน์ร่วมด้วยโดยเฉพาะกับผู้ใหญ่ มีปัญญาฉลาดแกมโกง เมื่ออยากได้สิ่งใดมักตามตื๊อ ตามรังควาญไม่เลิกรา
  • คู่ที่สี่คือดาวคู่ศัตรู “จันทร์กับครูเป็นอริแก่กัน” ดาวคู่ศัตรู จันทร์-พฤหัส (จะเห็นได้ว่า จันทร์-พฤหัสเป็นดาวคู่ธาตุดินด้วย) การเป็นคู่ศัตรู ส่งผลเสียแบบพ่อ-ลูก คือ มีเรื่องตำหนิ ติเตียน ถูกบ่น ถูกต่อว่า พฤหัสนั้นเป็นพ่อ มีความรักและหวังดีต่อจันทร์ที่เป็นลูกสาว จึงตำหนิเพื่อหวังให้ลูกสาวดีขึ้น แต่กลับไปทำให้ลูกสาวเบื่อหน่าย ไม่ชอบ เสียมากกว่า จึงเป็นคู่ศัตรูที่ไม่รุนแรง
  • นอกจากดาวจันทร์แล้ว พฤหัสบดียังมีคู่ที่ไม่ถูกกันอีก คือ เสาร์ และ ราหู ดาวคู่พฤหัส-เสาร์ เป็นดาวคู่ที่สร้างความยากลำบากทั้งกายใจ พบกันเมื่อใดจะเกิดเหตุที่ทำให้ทุกข์ยากลำบากแสนสาหัส ต้องใช้ทั้งพฤหัส (คือความรู้) และเสาร์ (คือความอดทน) เพื่อให้ผ่านพ้นไปให้ได้
  • ส่วนดาวคู่พฤหัส-ราหู เปรียบเหมือนครูกับโจรที่ไม่ถูกกัน คนที่มีดาวคู่นี้มีความสามารถสูง รู้ทั้งทางโลกและทางธรรม แต่ไม่ยอมทำมาหากิน เป็นคนที่ทำสิ่งใดก็ต้องทำให้มันสุดๆ หยุดกลางคันไม่ได้ ห้ามก็ไม่ฟัง รอบรู้เกินมนุษย์ มักส่งผลเสียเป็นเรื่องเป็นราว มีคดีความ ฟ้องร้อง ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล
ดาวที่สถิตในเรือนเกษตรของดาวพฤหัสบดี

นอกเหนือจากการพยากรณ์ดาวพฤหัสบดีสถิตในภพต่างๆ ของดวงจักรราศี ส่งผลแตกต่างกันไปตามเรื่องหรือภพนั้นๆ แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่นักพยากรณ์ควรสังเกตุ คือ การที่มีดาวในดวงกำเนิดไปสถิตในเรือนเกษตรของดาวพฤหัสบดี ก็ส่งผลให้ดาวพฤหัสบดีได้อีกทางหนึ่งด้วย ยกตัวอย่างเช่น

  • ดาวราหูคู่ศัตรู อยู่ในเรือนเกษตรของดาวพฤหัสบดี คือมีดาวราหูในราศีมีน หรือ ราศีธนู ส่งผลให้เจ้าชะตาเป็นคนรอบรู้เหมือนนักปราชญ์ รู้ทั้งทางโลกทางธรรม แต่สับสนในความรู้ของตนเอง จึงไม่ได้ใช้ความรู้ประกอบกิจการหรือทำงานอะไร ทำสิ่งใดก็ต้องทำให้มันสุดๆ เหมือนกับคนบ้านั่นเอง
  • ดาวเกตุ หรือดาวบุญ อยู่ในเรือนเกษตรของดาวพฤหัสบดี คือมีดาวเกตุในราศีมีน หรือ ราศีธนู ดาวเกตุเป็นเหมือนสารเร่งปฏิริยาส่งผลดีกับดาวประเภทศุภเคราะห์ให้ยิ่งดีขึ้นไปอีก ส่งผลให้เป็นคนที่รู้ลึก รู้จริง มีความรู้และมีประสบการณ์ เป็นผู้เชี่ยวชาญชำนาญกิจ มักชอบเรียนเรื่องอาคมคาถา เป็นคนมีของ (ขลัง) มีคนนับถือ เรียนรู้ตลอดชีวิต คงแก่เรียน มีความสามารถพิเศษในการอุปมาอุปมัยให้คนเข้าใจและเชื่อถือ
  • ดาวมฤตยู หรือดาวกรรม อยู่ในเรือนเกษตรของดาวพฤหัสบดี คือมีดาวมฤตยูในราศีมีน หรือ ราศีธนู ดาวมฤตยูสถิตราศีใดจะคอยทำลายอานุภาพของดาวที่ร่วมราศีและส่งผลถึงดาวเจ้าเรือนเกษตรอีกด้วย ทำให้มีความรู้ในด้านลบ รู้เรื่องที่คนอื่นเขาไม่รู้ เก่งในเรื่องที่คนอื่นเขาทำไม่ได้ เรื่องง่ายๆ มักไม่ค่อยเข้าใจ แต่พอเรื่องยากๆ กลับเข้าใจได้เหมือนเป็นเรื่องง่าย ทำเรื่องซับซ้อนดี ทำงานวิจัย หรือเป็นนักวิทยาศาสตร์ได้ดี
ดาวพฤหัสบดีกับพรรคพวก

ดาวพฤหัสบดีเมื่ออยู่ลำพังมีพลังในเรื่องสติปัญญา คุณธรรม ความรู้ แต่เมื่อดาวพฤหัสบดีได้พรรคพวกที่เข้ากันได้มาระดมกำลังกันเกิดเป็นกลุ่มดาวที่ส่งผลเป็นความยิ่งใหญ่มีกำลังกล้าแข็ง ในตอนนี้จะกล่าวถึงกลุ่มดาวที่รวมตัวกันเป็นเกณฑ์เป็นก๊กเหล่า ว่าจะส่งผลอย่างไรบ้าง

  • ก๊กศักดินา ๑๕๗ หรือ นรเกณฑ์ประกอบด้วย ดาวอาทิตย์ ดาวพฤหัส และดาวเสาร์ เมื่อ ๑๕๗ ร่วมราศี หรือ โยคถึงกัน และส่งผลถึงลัคนา จะทำให้อุดมไปด้วยเกียรติยศ ศักดิ์ศรี มีความเจริญก้าวหน้าในราชการ หรือ มีขั้นชั้นยศสูงส่ง ยิ่งได้เกณฑ์นระ ยิ่งสูงส่งหาคนเทียบได้ยาก [นระเอกะ – คือเป็นคนลัคนาราศีนระ (มิถุน กันย์ ตุลย์ ธนู กุมภ์) และมี ๑๕๗ เป็น ๑ กับลัคนา]
  • ก๊กศักดินาฝ่ายน้อง ๑๓๕ หรือนรเกณฑ์ฝ่ายน้อง ประกอบด้วย ดาวอาทิตย์ ดาวอังคาร และดาวพฤหัส เมื่อ ๑๓๕ ร่วมราศี หรือ โยคถึงกัน และส่งผลถึงลัคนา จะทำให้มีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี มีความเจริญก้าวหน้าในราชการ หรือ มีขั้นชั้นยศสูง ยิ่งได้เกณฑ์นระ ยิ่งสูงส่ง แต่ถ้าเทียบกันแล้วก็ยังน้อยกว่าก๊กศักดินา ๑๕๗
  • ก๊กศักดินาฝ่ายมืด ๘๕๗ หรือนรเกณฑ์ฝ่ายมืด ประกอบด้วย ดาวราหู ดาวพฤหัส และดาวเสาร์ เมื่อเราเทียบกับก๊กศักดินา ๑๕๗ จะเห็นว่าฝ่ายมืดนี้มี “ดาวราหูแทนดาวอาทิตย์” คือความมืดมัวเมา แทนแสงสว่าง เมื่อ ๘๕๗ โยคถึงกัน และส่งผลถึงลัคนา จะทำให้อุดมไปด้วยอำนาจ เป็นผู้มีอิทธิพล เป็นมาเฟีย เจ้าพ่อ ทำในเรื่องสีเทา เรื่องผิดระเบียบกฎเกณฑ์ มีทรัพย์มาก แต่ไม่มีเกียรติยศศักดิ์ศรี
  • ก๊กเศรษฐี ๒๔๕๖ ประกอบด้วย ดาวจันทร์ พุธ พฤหัส และดาวศุกร์ เมื่อ ๒๔๕๖ ร่วมราศี หรือ โยคถึงกัน และส่งผลถึงลัคนา จะทำให้อุดมไปด้วยเงินทอง ทรัพย์สมบัติ มีความเจริญก้าวหน้าในการค้าขาย มีครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุข
  • ก๊กวิญญาณ ๕๘๙๐ หรือชุมนุมดาวเทวดา ประกอบด้วย ดาวพฤหัส ดาวราหู ดาวเกตุ และดาวมฤตยู เมื่อ ๕๘๙๐ ร่วมราศี หรือ โยคถึงกัน และส่งผลถึงลัคนา จะทำให้เป็นคนที่มีความเชื่อศรัทธาหรืองมงายในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พลังลึกลับ สิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น มีสัมผัสพิเศษ ใครมาดีมาร้ายรู้ เป็นคนแปลกๆ ไม่ทำตามค่านิยมของสังคมสักเท่าไหร่ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง มักมุ่งหวังเรื่องหลุดพ้น นิพพาน หรืออยากมีดวงตาเห็นธรรม หากอุทิศตนเพื่อคนอื่นก็จะได้ประสบความสำเร็จ ยิ่งเสียสละก็จะยิ่งได้มา แต่ถ้ายิ่งไขว่คว้าด้วยความเห็นแก่ตัว จะกลับกลายเป็นความล้มเหลว

ด้วยสำนึกในพระคุณครู

กราบแทบบาทครูบาอาจารย์เจ้า ผู้คอยเฝ้าสอนสั่งศิษย์ทั้งหลายฯ

ทีมงานตาณฑวะ