ดาวอังคาร

เหตุผลที่นักพยากรณ์ต้องรู้เรื่องดาว

สวัสดีค่ะ พบกับทีมงานตาณฑวะ ในรายการ “คุยเรื่องดาว เล่าเรื่องดวง” วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับดาวอังคารกันค่ะ รายละเอียดต่างๆ ของดวงดาวจะทำให้นักพยากรณ์มีความเข้าใจมิติต่างๆของดวงดาว เช่น บุคลิก, ลักษณะ, ความคิดอ่าน, ความเห็น, ความต้องการ, เรื่อยไปจนถึงอารมณ์ และประสาทสัมผัสของดวงดาว เป็นต้น ยิ่งเรามีความเข้าใจในดวงดาวมาก การพยากรณ์ตามดวงดาวก็จะถูกต้องแม่นยำมากตามไปด้วย ครูบาอาจารย์ที่สอนวิชาโหราศาสตร์มักจะให้ลูกศิษย์คัดลายมือเรื่องดวงดาวเป็นการบ้านเพื่อให้สามารถจดจำและนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง

ดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์ลำดับที่สี่จากดวงอาทิตย์ มักเรียกกันว่า “ดาวแดง” เนื่องจากเป็นดาวที่มองเห็นได้จากโลกด้วยตาเปล่าและมีสีออกแดง เนื่องจาก Iron Oxide หรือสนิมเหล็กที่มีอยู่มากบนพื้นผิวดาวอังคาร ดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์หิน มีบรรยากาศปกคลุมเบาบาง พื้นผิวเป็นภูเขา หลุมบ่อ ทะเลทราย ภูเขาไฟ และมีน้ำแข็งขั้วดาว คล้ายกับโลก นอกจากนี้ยังมีคาบการหมุนและแกนเอียง ที่ทำให้เกิดฤดูกาลคล้ายกับโลกอีกด้วย ในทางโหราศาสตร์ดาวอังคารจัดเป็นหนึ่งในดาวนพเคราะห์ ที่มีความสำคัญเพราะเป็นดาวที่แทนความกล้าหาญ ความขยันขันแข็ง ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของภาวะผู้นำ หลายตำราเขียนไว้ว่า ถ้าดวงชะตาใดมีอังคารดีจะมีความขยัน อดทน ไม่ยอมอ่อนข้อต่อผู้ใด มีจิตใจกล้าหาญ ดาวอังคารเป็นดาวธาตุลมกรดหรือลมภายในร่างกาย เป็นนักรบที่กล้าหาญชั้นแนวหน้า เทพประจำดาวอังคารหรือพระอังคารเป็นเทพที่มีผิวกายสีชมพู ทรงอาวุธทั้งสี่กร คือ หอก ตรีศูล กระบอง และศร มีอำนาจและทรงพลังอย่างยิ่ง

Let's join our channel
ดาวอังคารในทางวิทยาศาสตร์
  • ดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์ลำดับที่สี่จากดวงอาทิตย์ เป็นดาวเคราะห์เล็กที่สุดอันดับที่สองในระบบสุริยะรองจากดาวพุธ เป็นดาวเคราะห์หินขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณครึ่งหนึ่งของโลก มีความหนาแน่นน้อยกว่าโลก บนดาวอังคารมีชั้นบรรยากาศ และน้ำแข็งขั้วดาวคล้ายกับโลกของเรา คาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบใช้ระยะเวลาเท่ากับ 687 วันของโลก หนึ่งวันของดาวอังคารเท่ากับ 24 ชั่วโมง 39 นาที 35 วินาที ซึ่งต่างกับ 1 วันของโลกเพียงเล็กน้อย
  • เนื่องจากดาวอังคารมีพื้นผิว แหล่งน้ำ ภูเขาไฟ ที่คล้ายกับโลก ในปัจจุบันจึงมีการส่งยานสำรวจดาวอังคารไปหลายลำ จากข้อมูลถึง พ.ศ. 2564 มีการส่งยานสำรวจดาวอังคารไป 14 ลำ ซึ่งอยู่บนดาวอังคาร 6 ลำ และโคจรอยู่เหนือดาวอังคาร 8 ลำ เพื่อศึกษาและหาสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร แต่ก็พบว่าน้ำบนผิวดาวอังคารอาจจะเค็มเกินไป และมีความเป็นกรดมากเกินกว่าจะค้ำจุนสิ่งมีชีวิตทั่วไปบนโลกได้ มีเพียง “ไลเคน” (สิ่งมีชีวิตที่มีการดำรงชีวิตแบบภาวะพึ่งพากันระหว่างสาหร่ายสีเขียวและไซยาโนแบคทีเรียกับฟังไจ (fungi) ซึ่งพบในแถบขั้วโลก ทะเลทราย หรือ ชายหาดหิน เป็นต้น) ที่อยู่รอดในสภาวะแวดล้อมที่จำลองขึ้นเท่านั้น)
  • ดาวอังคารมีดาวบริวารขนาดค่อนข้างเล็กสองดวง ได้แก่ โฟบอส และ ดีมอส มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 22 และ 12 กิโลเมตรตามลำดับ ตั้งชื่อตามเทพในตำนานกรีก โฟบอสแปลว่าตระหนกหรือกลัว ดีมอสแปลว่าสยองหรือน่าขนลุก เป็นบุตรของเทพแอรีส เทพเจ้าแห่งสงคราม ซึ่งคำว่า “มาร์ส” ก็ชื่อของเทพแอรีสตามแบบโรมันนั่นเอง
พระอังคารในทางคติฮินดู
  • ในคติฮินดู พระอังคาร มีนามว่า พระมังคละ หรือ พระมงคล ถือกำเนิดจากเหงื่อหรือเลือดของพระศิวะที่ทรงหยดลงในขณะทรงพระพิโรธกับการต่อสู้กับอันธกาสูร และพระแม่ธรณีได้รองรับไว้ กำเนิดเป็นกุมารกายสีแดงโลหิต มี ๔ กร บ้างก็ว่าเป็นบุตรของพระแม่ธรณีกับพระวิษณุในร่างพระวราหาวตาร เดิมมีนามว่า พระเภามะ พระเภามะได้เริ่มการบูชาพระศิวะ จนพระศิวะพอพระทัย และแต่งตั้งให้เป็นเทวดานพเคราะห์ อีกตำนานเล่าว่า พระมังคละ มีนามว่า พระโลหิตางค์ เกิดจากเหงื่อของพระศิวะในขณะที่ทรงสอนการร่ายรำตาณฑวะแก่นาฏยาจารย์ พระแม่ธรณีได้รองรับไว้ และยกกุมารนี้ให้อันธกาสูร พระโลหิตางค์ ได้ร่ำเรียนวิชากับนาฏยาจารย์ ต่อมาอันธกาสูรถูกพระศิวะสังหาร นางวฤษภานุ มเหสีของอันธกาสูรได้ยุยงให้พระโลหิตางค์ รบกับพระศิวะ พระโลหิตางค์ประชันดนตรีกับพระศิวะ และพ่ายแพ้ไป พระโลหิตางค์ได้สำนึกผิดและขอขมา พระศิวะทรงให้พรและแต่งตั้งให้เป็นเทวดานพเคราะห์ เป็นเทพประจำดาวอังคาร ซึ่งอยู่ใกล้กับโลก เป็นเทพแห่งสงคราม การสู้รบ เป็นเทพผู้มอบพรแก่เหล่ากษัตริย์และนักรบทั้งปวง
  • พระอังคาร ยังมีนามอื่นๆอีก อาทิ เช่น พระมังคละ, พระเภามะ, พระโลหิตางค์, พระอังคารกะ, พระรักตวรรณ, พระกุชะ, พระภูมิบุตร, พระภูมิสุตะ, พระมหาวีระ, พระมหาศูระ, พระมหาเราทระ, พระมหาภัทระ เป็นต้น
พระอังคารในทางคติไทย
  • พระอังคาร (เทวนาครี: मंगल มํคล หรือ मङ्गल มงฺคล), พระอังคารถูกสร้างขึ้นมาจากพระศิวะทรงนำกระบือ (ควาย) ๘ ตัว บดป่นเป็นผง ห่อผ้าสีชมพูเข้ม ประพรมด้วยน้ำอมฤต แล้วเสกได้เป็นพระอังคาร มีพระวรกายสีชมพู มี ๔ กร ทรงหอก ตรีศูล กระบองและศรเป็นอาวุธ สวมมงกุฎน้ำเต้า ทัดดอกไม้สีแดง สวมอาภรณ์สีแดงและสีม่วง ทรงเครื่องประดับด้วยทองแดงและแก้วโกเมน ทรงกระบือ (ควาย) เป็นพาหนะ ประจำอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ในไตรภูมิพระร่วง พระอังคารมีวิมานลอยอยู่รอบเขาพระสุเมรุด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ วิมานใหญ่ ๑๕ โยชน์ รัศมีแดง
  • พระอังคาร แสดงถึงอักษรวรรค จะ (จ ฉ ช ซ ฌ ญ) เรียกว่า สีหนาม (คนเกิดวันอังคารมักใช้อักษรเหล่านี้เป็นอักษรมงคล)
  • พระประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอังคารก็คือ ปางไสยาสน์ และภายหลังมี ปางลีลา เพิ่มอีกหนึ่งปาง
พระอังคารในทางคติโรมัน
  • เมื่อเทียบกับความเชื่อทางตะวันตกแล้ว พระอังคารเทียบได้กับ เทพมาส์ (Mars) ตามเทพปกรณัมโรมันและเทพแอรีส (Ares) ของกรีก เป็นเทพแห่งสงคราม
  • เทพมาส์เป็นเทพแห่งสงครามของโรมัน เป็นบุตรของเทพีจูโนและเทพจูปิเตอร์ เป็นสามีของเทพีเบลโลนาและคนรักของเทพีวีนัส มาส์เป็นเทพทางการทหารที่เป็นที่สักการะของกองทหารโรมัน นักรบโรมันถือว่ามาส์เป็นเทพที่มีความสำคัญเป็นลำดับสองรองจากเทพจูปิเตอร์ เดิมทีเทพมาส์เป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์และพืชพันธุ์และเป็นผู้พิทักษ์วัว ทุ่งการเกษตรกรรม พืชผัก และเกษตรกร
  • เทพแอรีสเป็นเทพแห่งสงครามของกรีก ทรงเป็นหนึ่งในสิบสองพระเจ้าโอลิมปัส และพระโอรสของซูสและฮีราในวรรณกรรมกรีก เป็นสัญลักษณ์ ของความท่วมท้น, การใช้กำลัง, ความรุนแรง, ความละโมบในการยุทธ์, ทำลายล้างและการสังหาร
  • มีการกล่าวถึงแอรีสในบทกวีอีเลียด (Elias – มหากาพย์สงครามเมืองทรอย) ตอนหนึ่งว่า ซูสพระบิดาตรัสแก่แอรีสว่า “แอรีสเป็นบุตรที่ซูสเกลียดที่สุด” และนี่ก็อาจจะเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้บุคคลที่มีดาวอังคารมักจะคิดว่าตนเองไม่เป็นที่รักของบิดาก็เป็นได้
ดาวอังคารในทางโหราศาสตร์

พระอังคาร เป็นเทวดานพเคราะห์ประเภทบาปเคราะห์ ให้ผลในทางรุนแรงและเร่าร้อน นั่นคือ ผู้ใดเกิดวันอังคาร หรือมีพระอังคารสถิตร่วมกับลัคนา มักมีอารมณ์มักโกรธ มุทะลุ ตึงตัง ชอบใช้กำลัง ขยัน อดทน ไม่ยอมคน ใจร้อน แต่กล้าหาญ

  • ตามนิทานชาติเวร เล่าไว้ว่า พระอังคารเป็นมิตรกับพระศุกร์ และเป็นศัตรูกับพระอาทิตย์
    เรื่องมีอยู่ว่า ในอดีตชาติที่พระอังคารเกิดเป็นกบ พระเสาร์เกิดเป็นงู พระศุกร์เกิดเป็นรุกขเทวดา ในชาตินั้นงู (เสาร์) ได้ไล่จับกบ (อังคาร) กินเป็นอาหาร กบ (อังคาร) ได้หนีมาหลบใต้ต้นไม้ รุกขเทวดา (ศุกร์) รู้สึกสงสารกบ (อังคาร) จึงสำแดงฤทธิ์ไล่งู (เสาร์) ไป ตั้งแต่นั้น พระอังคารจึงเป็นมิตรกับพระศุกร์ ส่วนพระเสาร์เป็นศัตรูกับ พระศุกร์และพระอังคาร
  • ส่วนเรื่องส่วนเรื่องพระอังคารเป็นศัตรูกับพระอาทิตย์นั้น ครั้งหนึ่ง พระอังคารเกิดเป็นวิทยาธร พระพฤหัสบดีเกิดเป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ พระอาทิตย์เกิดเป็นมานพหนุ่ม พระจันทร์เกิดเป็นบุตรี (ลูกสาว) ของอาจารย์ทิศาปาโมกข์ มานพหนุ่มได้มาเล่าเรียนวิชากับอาจารย์ทิศาปาโมกข์ จนสำเร็จวิชา อาจารย์จึงได้ยกบุตรีให้ และให้ใส่นางไว้ในผอบทองเพื่อจะได้ปลอดภัย วันหนึ่งมานพไปหาผลไม้ในป่า วิทยาธรได้ลักลอบมาเป็นชู้กับบุตรีอาจารย์ ซึ่งอาจารย์ได้เข้าฌานและได้เห็นความประพฤติชั่วของบุตรี จึงได้คิดอุบายขึ้นมา วันหนึ่งมานพกลับมาเยี่ยมอาจารย์ อาจารย์ได้หยิบเซี่ยนหมากออกมารับรองไว้สองเซี่ยน มานพเห็นผิดธรรมเนียมจึงไต่ถาม อาจารย์จึงบอกให้รีบกลับไปที่เรือนและเปิดผอบดูเถิด เมื่อมานพหนุ่มกลับมา เปิดผอบพบนางผู้เป็นภรรยาเป็นชู้กับวิทยาธร วิทยาธรเห็นดังนั้นก็ตกใจ หยิบพระขรรค์ฟันศีรษะมานพหนุ่ม ส่วนมานพขว้างจักรเพชรไป ถูกขาวิทยาธรขาด ตั้งแต่นั้นมา พระอาทิตย์จึงเป็นศัตรูกับพระอังคาร (ในฐานะสามีกับชู้) ส่วนพระจันทร์จึงเป็นศัตรูกับพระพฤหัสบดี (คู่พ่อกับลูกสาว) และพระพฤหัสบดีเป็นมิตรกับพระอาทิตย์ (พ่อตากับลูกเขย)
  • จากตำนานนี้ผู้ใดที่เกิดวันอังคารแล้วพระศุกร์โคจรเข้าสู่ดวงชะตา จะมีมิตรสหายเกื้อหนุน ได้ลาภยศทรัพย์สินเงินทอง รอดพ้นภัยพาล หากพระอาทิตย์โคจรเข้าสู่ดวงชะตา จะเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับขา ขาหัก ข้อเท้าพลิก หรือมีอาการเจ็บปากเจ็บคอ
  • ในโหราศาสตร์ไทย พระอังคารถูกแทนด้วยสัญลักษณ์ ๓ (เลขสามไทย) และด้วยเหตุที่สร้างขึ้นมาจากกระบือ ๘ ตัว จึงมีกำลังพระเคราะห์เป็น ๘
การพยากรณ์สำหรับคนที่มีดาวอังคารส่งผลถึงลัคนา

ตามที่ได้ทำความรู้จักกับดาวอังคารกันแล้วว่าอังคารเป็นดาวแดงแห่งสงครามและความกล้าหาญ ในตอนนี้เราก็จะมาดูการพยากรณ์บุคคลที่ดาวอังคารส่งผลถึง ว่าจะได้รับผลจากดาวอังคารอย่างไรบ้าง

  • ในทางกายภาพ บุคคลที่มีดาวอังคารส่งผลถึงจะมีร่างเล็กแบบมะขามข้อเดียว มือไม้แข็งแรง ก้นเด้ง ต้นขาใหญ่ ถ้าเราดูใบหน้าจะมีส่วนเด่นที่สุดคือจมูก หน้าหักตรงสันจมูก มีคิ้วขมวด และสีหน้าสีตาดูกวนอารมณ์อยู่เสมอ มีประสาทไวต่อการสัมผัสทางเสียง หูไว ได้ยินแม้เสียงเล็กเสียงน้อยที่ผิดปกติ ดาวอังคารที่ส่งผลถึงลัคนายังหมายถึงสุขภาพหรือ โรคประจำตัว คือ โรคที่เกี่ยวลมภายในร่างกายเช่น โรคลมพิษ ลมขึ้น หรือโรคทางเดินหายใจต่างๆ อายุขัยของบุคคลที่เป็นดาวอังคารประมาณ 30 ปี หากมีดาวคู่มิตรคู่ธาตุคู่สมพลส่งเสริมก็จะยืนยาวมากขึ้น และในทางกลับกัน หากมีดาวคู่ศัตรูมาก็จะเป็นตัวตัดทอนให้สั้นลง
  • ในทางบุคลิกภาพ บุคคลที่มีดาวอังคารส่งผลถึงจะมีบุคลิกโวยวาย เอาแต่ใจตนเป็นใหญ่ หงุดหงิดง่าย นั่นคือ การยืน นั่ง ไม่เรียบร้อย อยู่ไม่เป็นสุข ชอบเขย่า กระดิกมือเท้า ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องมารยาท เข้าหาผู้ใหญ่ไม่เป็น ชอบเดินซอยเท้าหรือเดินด้วยปลายเท้า (ดูเหมือนเขย่งๆ อยู่เสมอ) เมื่อยามพูดจะพูดไม่ค่อยชัด เน้นความเก๋า ไม่เน้นเนื้อหา พูดคุยแต่เรื่องสนุกๆ ไม่มีสาระ มีความกล้าชอบแสดงออก ไม่ค่อยรู้จักความละอาย ชอบอวดแม้แต่เรื่องในทางเพศ หรือเรื่องทะลึ่งตึงตังก็คุยได้เป็นเรื่องเฮฮาสนุกสนานไป ในเรื่องการกินอยู่ จะเป็นคนกินยาก เลือกกิน แต่การกินรวดเร็ว ชอบอาหารรสแซ่บ รสเข้มข้น
  • ในทางอุปนิสัย บุคคลที่มีดาวอังคารส่งผลถึงจะเป็นคนเจ้าโทสะ โมโหร้าย เอาแต่ใจตน ชอบแต่งตัว ให้โดดเด่นเป็นที่สังเกต เป็นคนอยากเด่น อยากดัง อยากให้คนชม อยากให้คนชอบ อยากเก่งกว่าผู้อื่น เป็นคนไม่อยู่เฉยชอบออกนอกบ้าน ชอบเที่ยวสนุกสนาน ชอบหาคำปรึกษาจากคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่ เพราะมักคิดว่าพ่อแม่ไม่รักตน น้อยใจเก่ง เป็นคนมีน้ำใจมักออกหน้าอาสาแทนคนอื่น
  • คนที่มีดาวอังคารส่งผลถึงจะเป็นคนกล้าหาญ กล้าแสดงออก ชอบกิจกรรมที่ใช้ร่างกาย เช่น กีฬากลางแจ้ง การเดินทางผจญภัย แค้มปิ้ง เอาท์ดอร์ต่างๆ เป็นตัวโจ๊กศูนย์รวมของเพื่อนๆ ที่รักความสนุกสนานเฮฮา ชอบเรื่องความเร็ว การขับขี่ยวดยานพาหนะต่างๆ ทั้งมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ รถซิ่ง รถแข่ง ยิ่งถ้าได้ขับอวดเพศตรงข้ามแล้วละก็ ชาวอังคารไม่มีพลาดเลย นอกจากนี้ มักมีความสามารถพิเศษติดตัว เช่น ทักษะฝีมือช่าง งานศิลปะที่ต้องทำด้วยมือ เก่งด้านดนตรี ขับร้อง เต้นรำ เป็นที่ยอมรับ
  • เรื่องความคิดของคนที่ดาวอังคารส่งผลถึง มักคิดอยากให้คนนิยมชมชอบ ถ้ามีคนชมแล้วทำเท่าไหร่ก็ไม่เหนื่อย ยิ่งมีคนยุยงก็ขึ้นตามคำยุยงได้ง่าย จุดเดือดต่ำ ไม่ค่อยยั้งคิด เป็นคนไม่คิดมาก (คิดไปก็เครียดเปล่าๆ) ความคิดอีกอย่างหนึ่งของคนมีดาวอังคารคือชอบความสะใจ บางทีทำเรื่องอะไรไปโดยไม่มีเหตุผล เน้นความสะใจเป็นหลัก เป็นคนชอบความเท่ มักนิยมการสักลวดลายต่างๆ ตามร่างกายอีกด้วย
  • ในทางการงานอาชีพ บุคคลที่มีดาวอังคารส่งผลถึง จะไม่ชอบทำงานประจำ มักรับงานจ๊อบ งานอิสระ (อยากทำก็ทำ อยากหยุดก็หยุด) งานรับจ้าง งานขับขี่ยวดยานพาหนะ งานช่าง งานศิลปะ งานฝีมือ คนมีดาวอังคารเป็นคนกล้าและขยัน จึงมักทำมาหากินเก่ง เพราะไม่อายทำกิน และมีฝีไม้ลายมือดี
ดาวอังคารกับตำแหน่งทำเนียบต่างๆ

มาตรฐานดาว หรือตำแหน่ง ทำเนียบของดาว เป็นเรื่องที่นักพยากรณ์มีความรู้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ในตอนนี้เราก็จะมาดูเฉพาะเรื่องดาวอังคารกันค่ะ

  • เกษตร ดาวอังคารในราศีเมษและราศีพิจิกได้ทำเนียบเกษตร จะส่งผลให้บุคคลนั้นมีความกล้าหาญ มีความขยันสม่ำเสมอดี เลือดลมดี สุขภาพแข็งแรง ให้คุณในด้านยศศักดิ์โดยเฉพาะกับอาชีพรับราชการตำรวจที่ต้องใช้ความฉลาดและความกล้าหาญ แต่มีโทสะแรง ใจร้อน ดีในด้านพละกำลัง
  • อุจ (มหาอุจ) ดาวอังคารในราศีมังกรได้ทำเนียบอุจ หรือ มหาอุจ จะส่งผลให้บุคคลนั้นมีกำลังกล้าแข็งมาก มีความกล้าหาญในระดับแม่ทัพ-นายกอง โมโหร้ายแต่หายเร็ว ชีวิตสูงส่งขึ้นด้วยความกล้าหาญ มีอำนาจบารมี หรือมีฝีมือทักษะที่สูงส่งหาตัวจับยาก ในการฝีมือ งานช่าง กีฬา หรือ การดนตรี
  • ราชาโชค ดาวอังคารในราศีพฤษภได้ทำเนียบราชาโชค จะส่งผลให้บุคคลนั้นมีความขยันขันแข็ง ฝึกให้เป็นงานได้ง่าย มีทักษะและคล่องแคล่ว ได้ผลงานดี มีคนนิยมชมชอบ ชื่นชมในฝีไม้ลายมือ หรือมักจะเป็นที่นิยมชมชอบของผู้มีอำนาจ หัวหน้า ผู้บริหาร
  • มหาจักร ดาวอังคารในราศีกันย์ได้ทำเนียบมหาจักร จะส่งผลให้บุคคลนั้นมีใจคอเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ การตัดสินใจดี ทั้งรวดเร็วและแน่วแน่ เมื่อลงมือกระทำสิ่งใดก็มีความกล้าและไม่เคยย่อท้อ เป็นที่เกรงกลัวของบุคคลทั่วไป ฝ่าฟันต่อสู้จนมีอำนาจบารมีสูง
  • ประ และ นิจ สองทำเนียบนี้นับเป็นทำเนียบที่เสีย ดาวอังคารในราศีตุลย์ได้ทำเนียบประ และ ดาวอังคารในราศีกรกฎได้ทำเนียบนิจ ประแปลว่าเสื่อม นิจแปลว่าน้อยด้อยค่า (บางตำราแปลว่าเลว) นั่นก็คือ เมื่อดาวอังคารเป็นประเป็นนิจ จะส่งผลเสียในเรื่องความอ่อนแอ ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่ค่อยขยันหมั่นเพียร เบื่อหน่ายเกียจคร้าน และยังส่งผลเสียในเรื่องเสี่ยงๆ ทำเรื่องเสี่ยงทีไรก็มักจะก่อให้เกิดความเสียหายมากกว่าจะส่งผลดี หรือมีปัญญาเกี่ยวกับเลือดลม ทางเดินหายใจ เป็นต้น
ดาวอังคารกับภพต่างๆ ในดวงชะตา

เมื่อเรากล่าวถึงอานุภาพของดาวอังคารไปแล้ว เราก็ต้องดูด้วยว่าดาวอังคารส่งผลกับบุคลในเรื่องใดบ้าง ซึ่งดูได้จาก “ภพ” ที่ดาวอังคารไปสถิตในดวงราศีจักร ถ้าดาวตกในภพที่ส่งผลถึงเช่น กุม เล็ง โยค กับลัคนา (บางตำราเรียกว่า เป็น ๑ ๓ ๕ ๗ ๙ ๑๑ กับลัคนา) ดาวก็จะมีอิทธิพลกับเจ้าชะตามาก แต่ถ้าดาวไปตกในช่องเบียน คือ อริ มรณะ วินาศะ ดาวก็จะไม่ค่อยส่งผล แต่ถ้าไปตกในช่องส่ง ดาวก็จะส่งผลเป็นกลางๆ ในตอนนี้เราจะมาดูว่าเมื่อดาวอังคารสถิตในภพต่างๆ ของราศีจักรจะส่งผลถึงบุคคลอย่างไรบ้าง

  • ภพตนุ (เป็น ๑ กับลัคนา) จะเป็นคนมีร่างเล็ก ไม่สูง บางคนดูเตี้ยเหมือนมะขามข้อเดียว ใบหน้าโดยรวมดูกวนอารมณ์ มักไม่มีสันจมูก คิ้วขมวด เป็นคนอยู่เฉยไม่ได้ มักขยับแขนขา กิริยาไม่เรียบร้อย มักยกไหล่-กางศอกเพื่อให้ดูเก๋า มีความฉลาดแต่ไม่ค่อยมั่นคง ชอบหาคำแนะนำจากคนนอกบ้าน ชอบคนพูดจาดีๆ มักน้อยใจพ่อแม่ มีฝีมือทักษะด้านดนตรี ศิลปะ งานช่าง กีฬา ชอบออกนอกบ้านเพื่อท่องเที่ยว หรือเล่นสนุกสนาน ชอบขับขี่ยวดยานพาหนะ ประลองความเร็ว
  • ภพกดุมภะ (เป็น ๒ กับลัคนา) จะเป็นขยัน ไม่ชอบอยู่นิ่ง ใจคอกล้าหาญ แต่ขาดระเบียบวินัย มักหาเงินหาทองจากฝีมือของตนเอง เช่น เป็นนักกีฬาอาชีพ งานช่างฝีมือ หรืองานรับจ้างต่างๆ
  • ภพสหัสชะ (เป็น ๓ กับลัคนา) จะมีเพื่อนเป็นคนชอบสนุกสนาน มีเพื่อนร่วมแก๊งที่ชอบกวนอารมณ์ มักอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ชอบหาเรื่อง มีเรื่องเสี่ยงๆ หรือคนรอบตัวกระฉับกระเฉงไม่อยู่เฉย
  • ภพพันธุ (เป็น ๔ กับลัคนา) จะเป็นคนที่ไม่ค่อยขยันขันแข็ง ไม่ค่อยกล้า ไม่อยากเสี่ยง แต่มีระเบียบเรียบร้อยดี
  • ภพปุตตะ (เป็น ๕ กับลัคนา) เป็นคนที่ตอนแรกเริ่มไม่ขยันและไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่ เมื่ออายุมากขึ้นจึงขยันขันแข็งและมีความกล้ามากขึ้น หรือ มีบุตรบริวารที่กล้าหาญและขยันขันแข็งดี
  • ภพอริ (เป็น ๖ กับลัคนา) จะเป็นคนที่ไม่กล้า ไม่ตัดสินใจ ไม่โวยวาย และไม่ชอบเรื่องเสี่ยงๆ
  • ภพปัตนิ (เป็น ๗ กับลัคนา) จะได้คนรัก คู่ครองที่มีลักษณะแบบอังคาร คือ ขยันขันแข็ง กล้าหาญ ฉลาด ใจร้อน โกรธง่ายหายเร็ว ชอบหยอกล้อ และ กวนอารมณ์
  • ภพมรณะ (เป็น ๘ กับลัคนา) เป็นคนที่ตอนแรกเริ่มขยันขันแข็งและกล้าหาญ มีการตัดสินใจดีในตอนต้น เมื่ออายุมากขึ้นจึงค่อยลดน้อยถอยลงไป
  • ภพศุภะ (เป็น ๙ กับลัคนา) เป็นคนที่คิดน้อยใจ มักคิดว่าพ่อแม่ไม่รัก หรือรักพี่น้องมากกว่าตน เป็นคนขาดความอบอุ่น
  • ภพกัมมะ (เป็น ๑๐ กับลัคนา) เป็นคนที่ขยันทำงาน ทำงานทุกอย่างที่ได้เงิน ไม่เลือกงาน ชอบงานช่าง งานฝีมือ หรืองานที่ต้องเสี่ยง
  • ภพลาภะ (เป็น ๑๑ กับลัคนา) เป็นคนที่มีลาภเป็นการกินการท่องเที่ยวสนุกสนาน
  • ภพวินาศะ (เป็น ๑๒ กับลัคนา) เป็นคนไม่ชอบเรื่องเสี่ยง เสี่ยงทีไรเสียหายทุกที ไม่ขยัน และไม่กล้า ยิ่งกล้าก็ยิ่งเสียหาย
ความรู้เรื่องดาวอังคาร ดาวคู่มิตร คู่ธาตุ คู่สมพล คู่ศัตรู

ในตอนนี้เราก็จะกล่าวถึงดาวอังคารเมื่อกระทบหรือส่งกระแสสัมพันธ์ถึงดาวอื่นๆ ว่าจะส่งผลดีร้ายอย่างไร ดาวที่กระทบกัน ถ้าถูกชะตากันก็จะส่งผลดี ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน หรือ ส่งผลให้เกิดผลประโยชน์ดีๆ ขึ้นมา และในทางกลับกัน เมื่อไปเจอคู่ศัตรูก็จะส่งผลในทางลบนั่นเอง

  • คู่แรกที่จะกล่าวถึงคือดาวคู่มิตร “ศุกร์ปากหวาน อังคารรับเอา” ดาวคู่มิตร อังคาร-ศุกร์ ส่งผลดีให้เป็นหัวหน้า เป็นผู้นำ ได้รับความไว้วางใจและเป็นที่รัก ศุกร์เป็นดาวช่วยวางแผน อังคารนั้นช่วยในการปฏิบัติ ดาวคู่นี้เมื่อกระทบกันส่งผลให้ วางแผนดีและปฏิบัติได้ จึงเป็นตัวอย่างที่มีคนชื่นชอบถือเป็นต้นแบบและอยากทำตาม
  • คู่ที่สองคือดาวคู่ธาตุ อังคารเป็นดาวธาตุลมจึงเป็นคู่ธาตุลมกับดาวราหู ต่างกันที่ดาวอังคารเป็นลมกรดภายในร่างกาย ดาวราหูเป็นลมพายุที่อยู่ภายนอก ดาวคู่ธาตุลม อังคาร-ราหู ส่งผลเป็นความคล่องตัว ว่องไว ฉลาดและมีไหวพริบ มีทรัพย์เพิ่มพูนด้วยมีฝีมือและขยันขันแข็ง เจ้าชะตามีความอำนาจสูง เจ้าอารมณ์ ดุดัน โมโหง่าย และเป็นคนที่มีความต้องการ (ทางเพศ) สูง
  • คู่ที่สามคือคู่สมพล (กำลังดาวรวมกันได้ 27) อังคารเป็นคู่สมพลกับดาวพฤหัส ส่งผลดีในเรื่องผลประโยชน์ร่วมกับผู้ใหญ่ ทำสิ่งใดที่มีผลประโยชน์ร่วมด้วยจะส่งผลดี คนที่มีดาวคู่นี้จะเข้าหาผู้ใหญ่เก่ง ช่างประจบเอาใจ กล้าพูดกล้าขอและมักจะได้ตามที่ขอ ชอบตีตนเสมอผู้ใหญ่
  • คู่ที่สี่คือดาวคู่ศัตรู “อังคารเป็นศัตรูกับเสาร์” ดาวคู่ศัตรู อังคาร-เสาร์ ส่งผลอย่างร้ายแรงเป็นความหวาดเสียว อุบัติเหตุ โดยมากเป็นอุบัติเหตุทางรถ เลือดตกยางออก สูญเสียอวัยวะ รวมไปถึงเรื่องเสี่ยงอื่นๆ ด้วย
ดาวที่สถิตในเรือนเกษตรของดาวอังคาร

นอกเหนือจากการพยากรณ์ดาวอาทิตย์สถิตในภพต่างๆ ของดวงจักรราศี ส่งผลแตกต่างกันไปตามเรื่องหรือภพนั้นๆ แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่นักพยากรณ์ควรสังเกตุ คือ การที่มีดาวในดวงกำเนิดไปสถิตในเรือนเกษตรของดาวอังคาร ก็ส่งผลให้ดาวอาทิตย์ได้อีกทางหนึ่งด้วย ยกตัวอย่างเช่น

  • ดาวพฤหัสคู่สมพล อยู่ในเรือนเกษตรของดาวอังคาร คือมีดาวพฤหัสในราศีเมษหรือราศีพิจิก ส่งผลให้เจ้าชะตา ได้ดีเพราะการเรียนที่ขวนขวายด้วยตนเอง มีผลประโยชน์ร่วมกับผู้ใหญ่ ชอบออกหน้าอาสา มีปัญญาเหนือกว่าผู้อื่น เมื่อต่อสู้ก็มีทักษะและความรู้ส่งผลให้ได้รับความความสำเร็จ
  • ดาวราหูคู่ธาตุ อยู่ในเรือนเกษตรของดาวอังคาร คือมีดาวราหูในราศีเมษหรือราศีพิจิก ส่งผลให้เจ้าชะตาเป็นคนมีไหวพริบดีเอาตัวรอดเก่ง หยิบจับอะไรเป็นเงินเป็นทอง มีอำนาจมาก มักปกครองด้วยพระเดช ผู้คนเกรงกลัว เจ้าชะตามีอารมณ์แรง ยับยั้งชั่งใจลำบาก ดุดัน ขี้โมโห มักหึงหวงรุนแรง
  • ดาวเกตุ หรือดาวบุญ อยู่ในเรือนเกษตรของดาวอังคาร คือมีดาวเกตุในราศีเมษหรือราศีพิจิก ดาวเกตุเป็นเหมือนสารเร่งปฏิริยาส่งผลแรงกับดาวประเภทบาปเคราะห์ให้ยิ่งแรงขึ้นไปอีก นั่นคือ เจ้าชะตามีความเก่งกล้าสามารถ สู้ไม่ถอย ไม่พ่ายแพ้ต่อผู้ใด แต่มีความดื้อรั้น เจ้าชะตามักชอบเรื่องสนุกสนานแบบสุดๆ
  • ดาวมฤตยู หรือดาวกรรม อยู่ในเรือนเกษตรของดาวอังคาร คือมีดาวมฤตยูในราศีเมษหรือราศีพิจิก ดาวมฤตยูสถิตราศีใดจะคอยทำลายอานุภาพของดาวที่ร่วมราศีและส่งผลถึงดาวเจ้าเรือนเกษตรอีกด้วย ทำให้บุคคลนั้นไม่มีความกล้ากับคนทั่วไป แต่กลับมาเก่งแต่กับคนในบ้าน มักไม่ค่อยกล้าออกไปไหน และไม่กล้าที่จะพูดอะไร
ดาวอังคารกับพรรคพวก

ดาวอังคารเมื่ออยู่ลำพังมีฤทธิ์ในเรื่องความกล้าหาญ การต่อสู้ การทำมาหากิน การแสดงฝีมือ การท่องเที่ยว เรื่องเสี่ยงๆ เรื่องสนุกสนาน เมื่อดาวอังคารได้พรรคพวกที่เข้ากันได้มาระดมกำลังกันเกิดเป็นกลุ่มดาวที่ส่งผลเป็นความสุข ความเจริญ ความสำเร็จ ในตอนนี้จะกล่าวถึงกลุ่มดาวที่รวมตัวกันเป็นเกณฑ์เป็นก๊กเหล่า ว่าจะส่งผลอย่างไรบ้าง

  • ก๊กโจร ๓๖๗๘ ประกอบด้วย ดาวอังคาร ศุกร์ เสาร์ และดาวราหู เมื่อ ๓๖๗๘ ร่วมราศี หรือ โยคถึงกัน และส่งผลถึงลัคนา จะทำให้เจ้าชะตาชอบเรื่องเสี่ยงๆ การปล้น การโกง การฉกฉวยโอกาส เรื่องสีเทาๆ เรื่องไม่เปิดเผย เรื่องผิดทำนองคลองธรรมผิดระเบียบแบบแผน เรื่องที่ทำกันแบบลับๆ แล้วส่งผลปัง-ดังในชั่วข้ามคืน หรือกิจกรรมที่ทำไปเพื่อเน้นความสะใจเป็นผลตอบแทน
  • ก๊กศักดินาฝ่ายน้อง ๑๓๕ หรือนรเกณฑ์ฝ่ายน้อง ประกอบด้วย ดาวอาทิตย์ ดาวอังคาร และดาวพฤหัส เมื่อ ๑๓๕ ร่วมราศี หรือ โยคถึงกัน และส่งผลถึงลัคนา จะทำให้มีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี มีความเจริญก้าวหน้าในราชการ หรือ มีขั้นชั้นยศสูง ยิ่งได้เกณฑ์นระ ยิ่งสูงส่ง แต่ถ้าเทียบกันแล้วก็ยังน้อยกว่าก๊กศักดินา ๑๕๗
  • ก๊กพระยา ๑๒๓๔ ประกอบด้วย ดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์ ดาวอังคาร และดาวพุธ เมื่อ ๑๒๓๔ ร่วมราศี หรือ โยคถึงกัน และส่งผลถึงลัคนา จะเกิดในวงศ์ตระกูลสูงส่ง พรั่งพร้อมด้วยเกียรติยศ ชื่อเสียง ฐานะร่ำรวย ทรัพย์สมบัติมาก ครอบครัวมีความมั่นคง บริวารรายรอบ หรือโบราณมักเรียกว่า คาบช้อนทองมาเกิด นั่นเอง

ด้วยสำนึกในพระคุณครู

กราบแทบบาทครูบาอาจารย์เจ้า ผู้คอยเฝ้าสอนสั่งศิษย์ทั้งหลายฯ

ทีมงานตาณฑวะ