ดาวอาทิตย์

เหตุผลที่นักพยากรณ์ต้องรู้เรื่องดาว

สวัสดีค่ะ พบกับทีมงานตาณฑวะ ในคอลัมน์ “คุยเรื่องดาว เล่าเรื่องดวง” วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับดาวอาทิตย์กันค่ะ รายละเอียดต่างๆ ของดวงดาวจะทำให้นักพยากรณ์มีความเข้าใจมิติต่างๆของดวงดาว เช่น บุคลิก, ลักษณะ, ความคิดอ่าน, ความเห็น, ความต้องการ, เรื่อยไปจนถึงอารมณ์ และประสาทสัมผัสของดวงดาว เป็นต้น ยิ่งเรามีความเข้าใจในดวงดาวมาก การพยากรณ์ตามดวงดาวก็จะถูกต้องแม่นยำมากตามไปด้วย ครูบาอาจารย์ที่สอนวิชาโหราศาสตร์มักจะให้ลูกศิษย์คัดลายมือเรื่องดวงดาวเป็นการบ้านเพื่อให้สามารถจดจำและนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง

ดาวอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ที่เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ แต่ในทางโหราศาสตร์จัดเป็นหนึ่งในดาวนพเคราะห์ ที่มีความสำคัญเพราะเป็นดาวที่แทนชีวิต หลายตำราเขียนไว้ว่า ถ้าดวงชะตาใดมีอาทิตย์ดีจะมีชีวิตยืนยาว ดาวอาทิตย์เป็นดาวธาตุไฟ มีความร้อนแรงในระดับไฟประลัยกัลป์ มีความเชื่อกันว่าเทพประจำดาวอาทิตย์หรือสุริยะเทพเป็นเทพแห่งศาสตร์หรือความรู้ทั้งปวงในจักรวาล เป็นบ่อเกิดแห่งแสงสว่างและส่งความร้อนมาให้ความอบอุ่นกับโลก

Let's join our channel
ดาวอาทิตย์ในทางวิทยาศาสตร์
  • ดาวอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ดวงเดียวในกลุ่มดาวนพเคราะห์ อยู่ที่ใจกลางระบบสุริยะ เป็นพลาสมาทรงกลม (เกือบ) สมบูรณ์ เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิตบนโลก มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.39 ล้านกิโลเมตร ใหญ่กว่าโลก 109 เท่า มีมวลประมาณ 330,000 เท่าของโลก มวลของดาวอาทิตย์คิดเป็นร้อยละ 99.86 ของมวลทั้งหมดของระบบสุริยะ ประมาณ ¾ ของมวลเป็นไฮโดรเจน
  • ดาวอาทิตย์ในปัจจุบันมีอายุผ่านมาได้ประมาณครึ่งอายุขัย คือ ประมาณ 4 พันล้านปีเศษ และจะเสถียรเช่นนี้ต่อไปอีกประมาณ 5 พันล้านปี โดยคาดการณ์ว่าดาวอาทิตย์จะมีอายุรวม 1 หมื่นล้านปี ในทุกๆ 1 วินาทีปฏิกิริยาฟิวชันของดวงอาทิตย์จะเปลี่ยนไฮโรเจนอะตอม 600 ล้านตัน ให้กลายเป็นฮีเลียม และเปลี่ยนสสาร 4 ล้านตันให้กลายเป็นพลังงานมหาศาล
  • ปฏิกิริยานิวเคลียร์ความร้อน (thermonuclear reaction) เกิดขึ้นในใจกลางดวงอาทิตย์ แผ่พลังงานออกมาในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและพลังงานที่สะสมภายในอนุภาค ใช้เวลาเดินทางนับหมื่นนับแสนปีจนกระทั่งถึงผิวดวงอาทิตย์ และต่อด้วยการเดินทาง 8 นาทีมายังโลกของเรา ในรูปของแสงที่มองเห็น, รังสีแกมมา, รังสีเอกซ์ และรังสีอื่น ๆ และชั้นบรรยากาศโลกได้กรองเอารังสีที่เป็นอันตรายเหล่านี้ลง เหลือเพียงพลังงานที่มาถึงยังพื้นโลก ให้ความอบอุ่นและความร้อน เป็นจุดเริ่มต้นของห่วงโซ่อาหารที่สังเคราะห์แสงโดยพืชพันธุ์ต่างๆ
พระอาทิตย์ในทางคติฮินดู
  • พระอาทิตย์ มีนามว่า พระสูรยะ เป็นบุตรของพระกัศยปมหาฤๅษี (หนึ่งในสัปตะมหาฤษี 7 องค์) และพระแม่อทิติ (บุตรีแห่งพระประชาบดี ซึ่งเป็นบุตรของพระพรหม) พระอาทิตย์ เดิมมีนามว่า พระมารตัณฑะ ต่อมาพระศิวะทรงแต่งตั้งให้เป็นเทพประจำดวงอาทิตย์และเป็นใหญ่ในหมู่ดาวนพเคราะห์ มอบแสงสว่างแก่โลก เป็นใหญ่ในเวลากลางวัน มีหน้าที่อนุเคราะห์การเกษตร
  • แสงของพระสูรยะมีพลังอำนาจอย่างยิ่ง พระสูรยะมีพระชายาคือนางศรัณยา (บุตรีของพระวิศวกรรม) ก็ไม่อาจทนทานต่อแสงสุริยะได้ มีตำนานเล่าว่า ในครั้งที่พระชายาได้สร้างองค์จำแลงชื่อนางฉายาให้อยู่กับพระสูรยะ และหนีไปบำเพ็ญเพียรในป่าหิมพานต์ โดยแปลงร่างเป็นม้าชื่ออัศวินี ต่อมาพระสูรยะรู้เข้าจึงไปถามหาพระชายากับพระวิศวกรรม (ซึ่งเป็นพ่อตา) ในครั้งนั้นพระวิศวกรรมได้ขูดเอารัศมี ๑ ใน ๘ ส่วนของพระสูรยะออกมา สร้างเป็นศัสตราวุธจำนวนมาก เช่น สร้างขวานปรศุให้พระศิวะ, สร้างดาบนันทกะให้พระวิษณุ, สร้างพระขรรค์ให้พระพรหม, สร้างหอกให้พระขันทกุมาร, สร้างคันธนูวิชัยให้พระอินทร์, สร้างคทาให้พระพิรุณ, สร้างคันธนูคาณฑีวะให้พระอัคนี, สร้างกระบองมหากาลให้ท้าวกุเวร, สร้างบ่วงยมบาศและกระบองยมทัณฑ์ให้พระยม และสร้างหอกให้พระพาย เป็นต้น
พระอาทิตย์ในทางคติไทย
  • พระอาทิตย์ (เทวนาครี: सूर्य สูรฺย), หรือพระสุริยะ เป็นเทวดานพเคราะห์องค์หนึ่ง มีอำนาจเหนือกว่าเทวดานพเคราะห์ทั้งหลาย พระอาทิตย์ถูกสร้างขึ้นมาจากพระศิวะทรงนำไกรสรราชสีห์ ๖ ตัว มาบดป่นเป็นผง ห่อผ้าสีแดง ประพรมด้วยน้ำอมฤต แล้วเสก ได้เป็นพระอาทิตย์ มีพระวรกายสีแดง ทรงเครื่องประดับด้วยทองคำและแก้วปัทมราช (ทับทิม) ทรงราชสีห์เป็นพาหนะ ประจำอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (ทิศอิสาน)
  • พระอาทิตย์ แสดงถึง อักษร “อ” และสระทั้งหมดในภาษาบาลี-สันสกฤต (อ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ) เรียกว่า ครุฑนาม (คนเกิดวันอาทิตย์มักใช้อักษรเหล่านี้เป็นอักษรมงคล)
  • ในฤคเวท พระอาทิตย์เป็นหนึ่งในสามเทพสูงสุด อันได้แก่ พระอัคนี เทพแห่งไฟ, พระอินทร์ เทพแห่งสายฟ้า และพระอาทิตย์ เทพแห่งแสงสว่าง
  • พระนามอื่นๆ ของพระอาทิตย์ เช่น พระสูรยะ, รวิ, มิตระ, ภานุ, ภาสกร, ทินกร, นภัสกร, ประภากร, ทิวากร, เคราะหราช, มารตัณฑะ, สาวิตร, วิวัสวาน, พระวิวัสวัต เป็นต้น
พระอาทิตย์ในทางคติโรมัน
  • เมื่อเทียบกับความเชื่อทางตะวันตกแล้ว พระอาทิตย์เทียบได้กับ ฟีบัส (Phoebus) หรืออะพอลโล (Apollo) หรือ เฮลิออส (Helios) ตามเทพปกรณัมกรีกและเทพปกรณัมโรมัน
  • อะพอลโลเป็นบุตรของซูส (Zeus) และลีโต (Leto) เป็นฝาแฝดกับอาร์ทิมิส (Artemis) อะพอลโลเป็นเทพผู้ครองดวงอาทิตย์และ อาร์ทิมิสเป็นเทพผู้ครองดวงจันทร์
  • อะพอลโล เป็นเทพชาวกรีกผู้มีรูปร่างงดงาม กล้าหาญ และยังถือเป็นนักดนตรีที่ช่วยขับกล่อมบทเพลงอันไพเราะให้แก่เหล่าเทพบนเขาโอลิมปัส เทพอะพอลโลจะพิณถือในมือหนึ่ง และถือคันธนูอีกมือหนึ่ง ซึ่งธนูนี้สามารถยิงได้ไกล ทำให้ได้รับสมญานามว่า ‘เทพขมังธนู’ อีกทั้ง เทพอะพอลโลยังเป็นเทพผู้ถ่ายถอดวิชาศิลป์ให้แก่มนุษย์บนโลกอีกด้วย เทพอะพอลโลถูกยกย่องให้เป็นเทพแห่งแสงสว่าง และเป็นเทพแห่งสัจธรรมผู้ไม่เคยโป้ปดอีกด้วย
ดาวอาทิตย์ในทางโหราศาสตร์

พระอาทิตย์ เป็นเทวดานพเคราะห์ประเภทบาปเคราะห์ ให้ผลในทางใจร้อน นั่นคือ ผู้ใดเกิดวันอาทิตย์ หรือมีพระอาทิตย์สถิตร่วมกับลัคนา มักมีความหยิ่งทระนงในเกียรติยศ ศักดิ์ศรี มีความเป็นผู้นำสูง อารมณ์ร้อน มีการตัดสินใจรวดเร็ว เฉียบขาด รักอิสระ แต่ซื่อสัตย์

  • ตามนิทานชาติเวร เล่าไว้ว่า พระอาทิตย์เป็นมิตรกับพระพฤหัสบดี และเป็นศัตรูกับพระอังคาร
    เรื่องมีอยู่ว่า ในชาติที่พระอาทิตย์เกิดเป็นมานพหนุ่ม พระพฤหัสบดีเกิดเป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ พระจันทร์เกิดเป็นบุตรีอาจารย์ทิศาปาโมกข์ และพระอังคารเกิดเป็นวิทยาธร มานพหนุ่มได้มาเล่าเรียนวิชากับอาจารย์ทิศาปาโมกข์ จนสำเร็จวิชา อาจารย์จึงยกบุตรีให้ และให้ใส่นางไว้ในผอบทองเพื่อจะได้ปลอดภัย วันหนึ่งมานพไปหาผลไม้ในป่า วิทยาธรได้ลักลอบมาเป็นชู้กับบุตรีอาจารย์ อาจารย์เข้าฌานและได้เห็นความประพฤติชั่วของบุตรี จึงคิดอุบายขึ้นมา วันหนึ่งมานพกลับมาเยี่ยมอาจารย์ อาจารย์ได้หยิบเซี่ยนหมากออกมารับรองไว้สองเซี่ยน มานพเห็นผิดธรรมเนียมจึงไต่ถาม อาจารย์จึงให้รีบกลับไปที่เรือนและเปิดผอบดูเถิด เมื่อมานพหนุ่มกลับมา เปิดผอบพบนางผู้เป็นภรรยาเป็นชู้กับวิทยาธร วิทยาธรเห็นดังนั้นก็ตกใจ หยิบพระขรรค์ฟันศีรษะมานพหนุ่ม ส่วนมานพขว้างจักรเพชรไป ถูกขาวิทยาธรขาด
  • ตั้งแต่นั้น พระอาทิตย์จึงเป็นมิตรกับพระพฤหัสบดี ส่วนพระอาทิตย์เป็นศัตรูกับพระอังคาร และพระจันทร์เป็นศัตรูกับพระพฤหัสบดี จากตำนานนี้ผู้ใดที่เกิดวันอาทิตย์แล้วพระพฤหัสบดีโคจรเข้าสู่ดวงชะตา จะมีผู้ใหญ่อุปถัมภ์ ได้ลาภยศทรัพย์สินเงินทอง หากพระอังคารโคจรเข้าสู่ดวงชะตา จะเกิดอุบัติเหตุศีรษะแตก หรือมีอาการปวดหัว ตัวร้อนเป็นไข้
  • ในโหราศาสตร์ไทย พระอาทิตย์ถูกแทนด้วยสัญลักษณ์ ๑ (เลขหนึ่งไทย) และด้วยเหตุที่สร้างขึ้นมาจากราชสีห์ ๖ ตัวนี้เอง จึงทำให้มีกำลังพระเคราะห์เป็น ๖
  • สำหรับพระประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ก็คือ ปางถวายเนตร
การพยากรณ์สำหรับคนที่มีดาวอาทิตย์ส่งผลถึงลัคนา

ตามที่ได้ทำความรู้จักกับดาวอาทิตย์กันแล้วว่าอาทิตย์เป็นดาวแห่งแสงสว่างและพลังงาน ในตอนนี้เราก็จะมาดูการพยากรณ์บุคคลที่ดาวอาทิตย์ส่งผลถึง ว่าจะได้รับผลจากดาวอาทิตย์อย่างไรบ้าง

  • ในทางกายภาพ บุคคลที่มีดาวอาทิตย์ส่งผลถึงจะมีร่างกายสง่างาม สูง หน้าอกผาย แขนใหญ่ ช่วงไหล่โต มีเท้าใหญ่ ถ้าเราดูใบหน้าจะมีส่วนเด่นที่สุดคือตา ใบหน้าลักษณะกรามเหลี่ยม และมีสีหน้าดุดัน เคร่งขรึม นอกจากมีดวงตาเป็นจุดเด่นแล้ว ยังมีประสาทสัมผัสไวต่อแสงอีกด้วย ดาวอาทิตย์ที่ส่งผลถึงลัคนายังหมายถึงสุขภาพหรือหรือ โรคประจำตัว คือ มักจะปวดศีรษะ มีปัญหาเรื่องกระแสเลือด และ ความดันโลหิต อายุขัยของบุคคลที่เป็นดาวอาทิตย์ประมาณ 70 ปี หากมีดาวคู่มิตรคู่ธาตุคู่สมพลส่งเสริมก็จะยืนยาวมากขึ้น และในทางกลับกัน หากมีดาวคู่ศัตรูมาก็จะเป็นตัวตัดทอนให้สั้นลง
  • ในทางบุคลิกภาพ บุคคลที่มีดาวอาทิตย์ส่งผลถึงจะมีบุคลิกองอาจ นั่นคือ การยืน นั่ง เดิน ตัวตรง สง่าผ่าเผย เป็นคนสุภาพ เรียบร้อย เมื่อเข้าหาผู้ใหญ่ก็นอบน้อม เป็นคนที่เข้าผู้หลักผู้ใหญ่เก่ง รู้กาละเทศะ วางตัวได้ดี จึงได้รับความเมตตาจากผู้ที่อยู่เหนือกว่า มีผู้ใหญ่เมตตาและผู้น้อยยำเกรง เมื่อยามพูดจะพูดด้วยเสียงที่ดัง ฟังชัด พูดจาเป็นแบบแผน มีลำดับเรื่องราว หากเป็นชายมักแสดงออกเป็นสุภาพบุรุษ ที่เทคแคร์ดูแลคนที่อ่อนแอกว่าได้เป็นอย่างดี ในเรื่องการกินอยู่ จะเป็นคนกินง่าย ขอแค่อิ่มเป็นพอ ไม่เลือกมาก ไม่พิถีพิถัน แต่การกินเงียบเรียบร้อย ชอบอาหารรสเผ็ดร้อน
  • ในทางอุปนิสัย บุคคลที่มีดาวอาทิตย์ส่งผลถึงจะมีความคิด รักเกียรติ รักยศ ใฝ่ฝัน ทะเยอะทะยาน มักยกตนเองให้สูงขึ้น และฝักใฝ่ในการเรียน เพราะอยากสร้างตนเองให้มีความเจริญก้าวหน้า คนที่มีดาวอาทิตย์ จะมีอารมณ์ ร้อน แรง โมโหร้าย มีความต้องการสูง กระหายในเกียรติ และความสำเร็จ ด้วยความคิดและอารมณ์เช่นนี้ เขาจึงสร้างตัวเองให้มีหลักฐาน มีความมั่นคง โดยไม่ยอมเสื่อมเสียเกียรติ เขาเป็นประเภทที่ชอบอยู่ในกฎเกณฑ์ และถือวินัยโดยเคร่งครัดอยู่เสมอ ดาวอาทิตย์ที่ส่งผลถึงลัคนาทำให้เป็นคนที่มีความกตัญญู ต่อ บิดามารดา ผู้มีพระคุณ และ เป็นคนที่เชื่อฟัง เคารพ ให้เกียรติ ผู้ใหญ่ เจ้านาย บุคคลที่เหนือกว่าตน แต่เคร่งครัดกับบุตรหลานในเรื่องระเบียบวินัย ที่กล่าวตอนต้นว่าอาทิตย์มักยกตนเองให้สูงขึ้นนั้น เขาจะใช้คะแนนนิยมหรือการยอมรับจากคนรอบข้างและบริวารและให้ผู้ใหญ่ช่วยหนุน อาทิตย์เป็นคนสุภาพเรียบร้อยไม่ออกหน้านำเสนอตัวเอง ด้วยเหตุนี้จึงเป็นคนรักพวกพ้อง ปกป้องลูกน้องในปกครองเป็นอย่างดี และชอบการสังคม นิยมการดื่มการกิน
  • ในทางการงานอาชีพ บุคคลที่มีดาวอาทิตย์ส่งผลถึงจะรับราชการดี ชอบทำงานที่ต้องใส่เครื่องแบบเป็นระเบียบเรียบร้อย หรืองานประจำที่มีลักษณะการทำงานหรือมีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน ส่วนเรื่องบ้านช่องที่อยู่อาศัย มักจะเป็นบ้านพักข้าราชการ เรือนแถว หรือทาวน์เฮาส์
ดาวอาทิตย์กับตำแหน่งทำเนียบต่างๆ

มาตรฐานดาว หรือตำแหน่ง ทำเนียบของดาว เป็นเรื่องที่นักพยากรณ์มีความรู้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ในตอนนี้เราก็จะมาดูเฉพาะเรื่องดาวอาทิตย์กันค่ะ

  • เกษตร ดาวอาทิตย์ในราศีสิงห์ได้ทำเนียบเกษตร จะส่งผลให้บุคคลนั้นมีเกียรติยศศักดิ์ศรี ที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างช้าๆ แต่มีความมั่นคงไม่โยกคลอน ไม่ถูกถอดถอนหรือโค่นล้มได้โดยง่าย
  • อุจ (มหาอุจ) ดาวอาทิตย์ในราศีเมษได้ทำเนียบอุจ หรือ มหาอุจ จะส่งผลให้บุคคลนั้นมีเกียรติยศศักดิ์ศรีสูงส่ง การสูงส่งขึ้นของทำเนียบมหาอุจ จะมีลักษณะโลดโผนหรือโดดเด่นมากกว่าดาวที่ได้ทำเนียบเกษตร
  • ราชาโชค ดาวอาทิตย์ในราศีมิถุนได้ทำเนียบราชาโชค จะส่งผลให้บุคคลนั้นมีเกียรติยศศักดิ์ศรีสูงส่ง การสูงส่งขึ้นของราชาโชคจะมีลักษณะสะดวกสบาย เจ้าชะตาไม่ต้องดิ้นรนขวนขวาย เปรียบเหมือนมีคนจัดใส่พานถวายให้เลย
  • มหาจักร ดาวอาทิตย์ในราศีกรกฎได้ทำเนียบหาจักร จะส่งผลให้บุคคลนั้นมีเกียรติยศศักดิ์ศรีสูงส่ง เป็นที่น่ายำเกรงหรือเป็นที่เกรงกลัวของคนทั้งหลาย การสูงส่งขึ้นของมหาจักรนั้นจะแตกต่างกับทำเนียบอื่น คือจะต้องต่อสู้ฟาดฟันเพื่อให้มาซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรี ต่างกับราชาโชคหรือมหาอุจที่ดูจะสะดวกสบายกว่า
  • ประ และ นิจ สองทำเนียบนี้นับเป็นทำเนียบที่เสีย ดาวอาทิตย์ในราศีกุมภ์ได้ทำเนียบประ และ ดาวอาทิตย์ในราศีตุลย์ได้ทำเนียบนิจ ประแปลว่าเสื่อม นิจแปลว่าน้อยด้อยค่า (บางตำราแปลว่าเลว) นั่นก็คือ เมื่อดาวอาทิตย์เป็นประเป็นนิจ จะส่งผลเสียในเรื่องเกียรติยศศักดิ์ศรี จะเอาดีทางเลื่อนขั้นชั้นยศไม่ค่อยได้ อาภัพกว่าผู้อื่น และยังส่งผลให้เป็นคนไม่ชอบในกฎเกณฑ์ อ่อนวินัย ไม่ค่อยเชื่อฟังผู้ใหญ่ ไม่สนใจในเรื่องศักดิ์ศรี ไม่สนใจว่าจะมีใครมานับหน้าถือตา และไม่ฝักใฝ่ในการเรียนรู้เพื่อความเจริญก้าวหน้า
ดาวอาทิตย์กับภพต่างๆ ในดวงชะตา

เมื่อเรากล่าวถึงอานุภาพของดาวอาทิตย์ไปแล้ว เราก็ต้องดูด้วยว่าดาวอาทิตย์ส่งผลกับบุคลในเรื่องใดบ้าง ซึ่งดูได้จาก “ภพ” ที่ดาวอาทิตย์ไปสถิตในดวงราศีจักร ถ้าดาวตกในภพที่ส่งผลถึงเช่น กุม เล็ง โยค กับลัคนา (บางตำราเรียกว่า เป็น ๑ ๓ ๕ ๗ ๙ ๑๑ กับลัคนา) ดาวก็จะมีอิทธิพลกับเจ้าชะตามาก แต่ถ้าดาวไปตกในช่องเบียน คือ อริ มรณะ วินาศะ ดาวก็จะไม่ค่อยส่งผล แต่ถ้าไปตกในช่องส่ง ดาวก็จะส่งผลเป็นกลางๆ ในตอนนี้เราจะมาดูว่าเมื่อดาวอาทิตย์สถิตในภพต่างๆ ของราศีจักรจะส่งผลถึงบุคคลอย่างไรบ้าง

  • ภพตนุ (เป็น ๑ กับลัคนา) จะเป็นคนมีร่างกายสูงใหญ่ ช่วงไหล่โต เป็นคนรักความก้าวหน้า เป็นคนที่เข้าหาผู้ใหญ่ จะทำสิ่งใดมักคำนึงถึงเกียรติ ระมัดระวังไม่ให้เสื่อมเสีย บุคลิกสง่าผ่าเผย องอาจ เป็นคนที่รักษากฎเกณฑ์ อยู่ในกรอบที่กำหนดไว้ เป็นคนรักพวกพ้อง หากเป็นชายมีนิสัยเป็นสุภาพบุรุษ
  • ภพกดุมภะ (เป็น ๒ กับลัคนา) จะเป็นคนใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ทรัพย์ร้อนใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไปกับเรื่องฟุ้งเฟ้อเช่นงานสังสรรค์หรือการออกสังคม มักเกิดในตระกูลที่มีเกียรติ เป็นคนที่หาเงินด้วยตำแหน่งหน้าที่ แต่งกายขึ้นดูสง่างาม
  • ภพสหัสชะ (เป็น ๓ กับลัคนา) มักมีเพื่อนเป็นข้าราชการหรือเพื่อนมียศมีตำแหน่ง อยู่กับเพื่อนแล้วเพื่อนๆ มักจะให้เกียรติ หรือได้อยู่ในหมู่ผู้ทรงเกียรติ ชอบการเข้าสังคม มีคนรู้จักมาก
  • ภพพันธุ (เป็น ๔ กับลัคนา) จะเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน มักไต่เต้าจนได้ดี มีนิสัยอดทนอดกลั้น บ้ายที่อยู่อาศัยเป็นแฟลต ห้องแถวหรือทาวน์เอาส์ มักจะเจริญในราชการช้าผู้อื่น เป็นคนไม่หยิ่งไม่ถือตัว ยินดีที่จะบริการผู้อื่น เป็นคนมีมารยาท เข้ากับผู้อื่นได้ดี
  • ภพปุตตะ (เป็น ๕ กับลัคนา) ถ้ารับราชการมักไม่ได้ดี ไม่ได้เลื่อนขั้น เป็นคนไม่ค่อยอดทน อาภัพเรื่องตำแหน่ง จะได้บริวารมีเกียรติมากกว่าตน แต่จะไปเจริญในสมัยบุตรหลาน มีบุตรหลานที่รักษาวงศ์ตระกูลดี ตอนหนุ่มสาวเป็นคนสบายๆ ต่อมามีอายุจึงถือยศ และเป็นคนเรื่องมากในภายหลัง
  • ภพอริ (เป็น ๖ กับลัคนา) เป็นคนที่มีบุคลิกง่ายๆ ไม่ถือตัว ไม่ถือศักดิ์ศรี และไม่มีเกียรติ มักจะต้องให้บริการผู้อื่น มีศัตรูที่แกร่งกล้า เมื่ออาทิตย์เสียส่งผลให้สายตาไม่ดี หรืออายุสั้น
  • ภพปัตนิ (เป็น ๗ กับลัคนา) จะได้คู่ครองมีเกียรติ ตนเองมีนิสัยหยิ่งทระนง มักมีสายตาดี มีระเบียบ เคร่งครัดหน้าที่สามีภรรยา ชอบเรื่องการเข้าสังคม มีเพื่อนมาก เป็นที่รู้จักของคนจำนวนมาก แต่ไม่เอาใคร เชื่อมั่นในความคิดของตนเอง
  • ภพมรณะ (เป็น ๘ กับลัคนา) มักจะมีสายตาไม่ดี เจริญเร็วในช่วงแรก ภายหลังเจริญช้า มักโดนทำโทษบ่อยๆ ทำคุณไม่ขึ้น มักโดนใส่ร้ายให้เสื่อมเสีย ปวดหัวบ่อย หลังค่อม ศีลธรรมเสื่อมถอยลง
  • ภพศุภะ (เป็น ๙ กับลัคนา) อาทิตย์อยู่ในความคิด ส่งผลให้เป็นคนคิดถือตัว คิดถึงความก้าวหน้า คิดซื่อตรงต่อหน้าที่ คิดดีใฝ่เจริญ คิดว่ารักเกียรติ รักหน้าที่ แต่เป็นเฉพาะในความคิดแต่ไม่ทำ ชอบช่วยเหลือผู้อ่อนแอกว่า มักเจริญช้า
  • ภพกัมมะ (เป็น ๑๐ กับลัคนา) เป็นคนที่ทำงานเคร่งครัดในหน้าที่ ระเบียบแบบแผน มีเกียรติ ตำแหน่งดี อำนาจดี รับผิดชอบดี กระทำตามเจ้านายสั่ง อ่อนน้อม ถ่อมตน อดทน กล้าหาญ
  • ภพลาภะ (เป็น ๑๑ กับลัคนา) เป็นคนที่มีลาภผลขณะปฏิบัติหน้าที่ เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้รับการยอมรับนับถือ มีสง่าราศี มีคนปรบมือให้
ความรู้เรื่องดาวอาทิตย์ ดาวคู่มิตร คู่ธาตุ คู่สมพล คู่ศัตรู

ในตอนนี้เราก็จะกล่าวถึงดาวอาทิตย์เมื่อกระทบหรือส่งกระแสสัมพันธ์ถึงดาวอื่นๆ ว่าจะส่งผลดีร้ายอย่างไร ดาวที่กระทบกัน ถ้าถูกชะตากันก็จะส่งผลดี ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน หรือ ส่งผลให้เกิดผลประโยชน์ดีๆ ขึ้นมา และในทางกลับกัน เมื่อไปเจอคู่ศัตรูก็จะส่งผลในทางลบนั่นเอง

  • คู่แรกที่จะกล่าวถึงคือดาวคู่มิตร “อาทิตย์เป็นมิตรกับครู” ดาวคู่มิตร อาทิตย์-พฤหัส ส่งผลดีคือผู้หลักผู้ใหญ่เมตตาให้โอกาส มีความเจริญก้าวหน้าในทางการเรียนและการงานดี คือ “เจริญในความรู้คู่คุณธรรม”
  • คู่ที่สองคือดาวคู่ธาตุ อาทิตย์เป็นดาวธาตุไฟจึงเป็นคู่ธาตุไฟกับดาวเสาร์ ต่างกันที่ดาวเสาร์เป็นไฟสุมขอนร้อนระอุทำให้ทุกสิ่งแม้แต่โลหะก็ยังหลอมละลายได้ ดาวคู่ธาตุไฟ อาทิตย์-เสาร์ ส่งผลเป็นความรุนแรง โทสะร้าย เอาแต่ใจตนเอง ในด้านดีหมายถึง การกระทำสิ่งใดด้วยความจริงจัง วิทยาการขั้นสูง การเป็นผู้นำ เป็นหัวหน้าหรือผู้บริหารระดับสูง
  • คู่ที่สามคือคู่สมพล (กำลังดาวรวมกันได้ 27) อาทิตย์เป็นคู่สมพลกับดาวศุกร์ ส่งผลดีเป็นความชื่นชอบ ชื่นชม มีความเข้าใจในจุดอ่อนหรืออารมณ์ของผู้อื่น ทำการใดมักมีผลประโยชน์ร่วมด้วย เป็นคนมีแผนและระมัดระวังในการทำการงาน
  • คู่ที่สี่คือดาวคู่ศัตรู “อาทิตย์ผิดกับอังคาร” ดาวคู่ศัตรู อาทิตย์-อังคาร ส่งผลเสียคือ ทำให้มีคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่หากปรากฏในดวงเดิมจะหมายถึง บุคคลนั้น มีความคิดไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย คิดไปเรื่อยไม่ตรงกันสักวัน ขัดแย้งในตัวเอง เป็นต้น นอกจากอังคารแล้วดาวอาทิตย์ยังเป็นศัตรูกับดาวราหูอีกด้วย เพราะอาทิตย์คือกลางวันราหูคือกลางคืนไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ เมื่ออาทิตย์กับราหูเจอกันมักส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโยกย้าย หรือหมายถึงไฟไหม้ก็เป็นได้
ดาวที่สถิตในเรือนเกษตรของดาวอาทิตย์

นอกเหนือจากการพยากรณ์ดาวอาทิตย์สถิตในภพต่างๆ ของดวงจักรราศี ส่งผลแตกต่างกันไปตามเรื่องหรือภพนั้นๆ แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่นักพยากรณ์ควรสังเกตุ คือ การที่มีดาวในดวงกำเนิดไปสถิตในเรือนเกษตรของดาวอาทิตย์ ก็ส่งผลให้ดาวอาทิตย์ได้อีกทางหนึ่งด้วย ยกตัวอย่างเช่น

  • ดาวพฤหัสคู่มิตร อยู่ในเรือนเกษตรของดาวอาทิตย์ คือมีดาวพฤหัสในราศีสิงห์ ส่งผลให้เจ้าชะตาเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน เอาการเอางาน มีความรู้ เป็นคนฉลาด เป็นคนดีมีศีลธรรม และจะได้รับโอกาสดีๆ จากผู้หลักผู้ใหญ่อยู่เสมอ เจ้านายให้ความเมตตา มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู
  • ดาวราหูคู่ศัตรู อยู่ในเรือนเกษตรของดาวอาทิตย์ คือมีดาวราหูในราศีสิงห์ ส่งผลให้เจ้าชะตาเป็นคนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เอาแน่เอานอนไม่ได้ เหมือนมีอารมณ์สองขั้ว ถ้าทำงานประจำหรือเป็นราชการมักประสบปัญหาต้องออกจากงาน หรือ โยกย้ายที่อยู่บ่อยๆ
  • ดาวเกตุ หรือดาวบุญ อยู่ในเรือนเกษตรของดาวอาทิตย์ คือมีดาวเกตุในราศีสิงห์ ดาวเกตุเป็นเหมือนสารเร่งปฏิริยาส่งผลดีกับดาวประเภทศุภเคราะห์ให้ยิ่งดีขึ้นไปอีก แต่กับดาวอาทิตย์ที่เป็นบาปเคราะห์ ยิ่งเร่งให้ความเป็นอาทิตย์เกินไปมาก กลายเป็นคนเอาแต่ใจ มุทะลุ ดุดัน เดินหน้าลุยอย่างเดียว ไม่เกรงกลัวใคร ขาดความยั้งคิด แต่มีตำแหน่งหน้าที่เจริญดี เข้าทำนองที่ว่าเวลาดีก็ดีใจหาย เวลาร้ายก็ร้านเหลือทน
  • ดาวมฤตยู หรือดาวกรรม อยู่ในเรือนเกษตรของดาวอาทิตย์ คือมีดาวมฤตยูในราศีสิงห์ ดาวมฤตยูสถิตราศีใดจะคอยทำลายอานุภาพของดาวที่ร่วมราศีและส่งผลถึงดาวเจ้าเรือนเกษตรอีกด้วย ทำให้บุคคลนั้นมีความหยิ่งทะนงแบบแปลกๆ โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ค่อยเข้าท่า ทำลายความเป็นอาทิตย์ให้ผิดเพี้ยนอาเพศไป
ดาวอาทิตย์กับพรรคพวก

ดาวอาทิตย์เมื่ออยู่ลำพังมีฤทธิ์เดชในเรื่องเกียรติยศศักดิ์ศรี ระเบียบวินัย ใฝ่หาความเจริญ ซื่อสัตย์ กตัญญู แต่เมื่อดาวอาทิตย์ได้พรรคพวกที่เข้ากันได้มาระดมกำลังกันเกิดเป็นกลุ่มดาวที่ส่งผลเป็นความยิ่งใหญ่มีกำลังกล้าแข็ง ในตอนนี้จะกล่าวถึงกลุ่มดาวที่รวมตัวกันเป็นเกณฑ์เป็นก๊กเหล่า ว่าจะส่งผลอย่างไรบ้าง

  • ก๊กศักดินา ๑๕๗ หรือ นรเกณฑ์ประกอบด้วย ดาวอาทิตย์ ดาวพฤหัส และดาวเสาร์ เมื่อ ๑๕๗ ร่วมราศี หรือ โยคถึงกัน และส่งผลถึงลัคนา จะทำให้อุดมไปด้วยเกียรติยศ ศักดิ์ศรี มีความเจริญก้าวหน้าในราชการ หรือ มีขั้นชั้นยศสูงส่ง ยิ่งได้เกณฑ์นระ ยิ่งสูงส่งหาคนเทียบได้ยาก [นระเอกะ – คือเป็นคนลัคนาราศีนระ (มิถุน กันย์ ตุลย์ ธนู กุมภ์) และมี ๑๕๗ เป็น ๑ กับลัคนา]
  • ก๊กศักดินาฝ่ายน้อง ๑๓๕ หรือนรเกณฑ์ฝ่ายน้อง ประกอบด้วย ดาวอาทิตย์ ดาวอังคาร และดาวพฤหัส เมื่อ ๑๓๕ ร่วมราศี หรือ โยคถึงกัน และส่งผลถึงลัคนา จะทำให้มีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี มีความเจริญก้าวหน้าในราชการ หรือ มีขั้นชั้นยศสูง ยิ่งได้เกณฑ์นระ ยิ่งสูงส่ง แต่ถ้าเทียบกันแล้วก็ยังน้อยกว่าก๊กศักดินา ๑๕๗
  • ก๊กพระยา ๑๒๓๔ ประกอบด้วย ดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์ ดาวอังคาร และดาวพุธ เมื่อ ๑๒๓๔ ร่วมราศี หรือ โยคถึงกัน และส่งผลถึงลัคนา จะเกิดในวงศ์ตระกูลสูงส่ง พรั่งพร้อมด้วยเกียรติยศ ชื่อเสียง ฐานะร่ำรวย ทรัพย์สมบัติมาก ครอบครัวมีความมั่นคง บริวารรายรอบ หรือโบราณมักเรียกว่า คาบช้อนทองมาเกิด นั่นเอง

ด้วยสำนึกในพระคุณครู

กราบแทบบาทครูบาอาจารย์เจ้า ผู้คอยเฝ้าสอนสั่งศิษย์ทั้งหลายฯ

ทีมงานตาณฑวะ