ดาวพระเคราะห์องค์เกณฑ์
ดาวพระเคราะห์องค์เกณฑ์
สวัสดีค่ะ วันนี้พบกับรายการคุยเรื่องดาว-เล่าเรื่องดวง วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง “พระเคราะห์องค์เกณฑ์” สาเหตุที่ทีมงานตาณฑวะหยิบยกเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง เนื่องจากในการพยากรณ์เรามักสงสัยว่า ทำไมดวงชะตาคนเราดูคล้ายๆ กัน ยกตัวอย่างเช่น ดวง 2 ดวง ที่มีดาวพฤหัสในภพสหัสชะเหมือนกัน มีดาวอังคารในภพกรรมะเหมือนกัน และมีดาวหลายดวงที่ดูคล้ายๆ กัน แต่เจ้าชะตากลับมีวาสนาสูงส่งผิดกันอย่างมาก เคยสงสัยกันบ้างไหมคะ ?
ในตำราโหราศาสตร์กล่าวถึงเรื่องไว้ว่า วาสนาของคนนั้นจะสูงส่งเพราะมี “พระเคราะห์องค์เกณฑ์” ซึ่งเป็นข้อกำหนดกฎเกณฑ์ปรากฏในพระบาฬี ที่ทีมงานได้อ้างอิงมาจาก ตำราโหราศาสตร์จักรทีปนี นิพนธ์โดย สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส และตำราโหราศาสตร์ไทยพื้นฐาน คือ
อนึ่งมีพระบาฬีทายเกณฑ์ว่า “ปฺรสวทสกิณฺฑานํ นร จ สห ลกฺขณํ อมฺพุ จ จตุกิณฺฑานํ กิตานํ สตฺตเมว จ”
(อ่านว่า: ปรัส สะ วะ ทะ สะ กิน ทา นัง- นะ ระ จะ สะ หะ ลัก ขะ นัง – อัม พุ จะ จะ ตุ กิน ทา นัง – กิ ตา นัง สัต ตะ เม วะ จะ)
อัตถาธิบายว่า ผิวลักขณาอยู่ในราษีปัสวะ พระเคราะห์ตัวใดเปนสิบกับลักขณา พระเคราะห์ตัวนั้นเปนเกณฑ์ ผิวลักขณาอยู่ในราษีนระ พระเคราะห์ตัวใดอยู่ด้วยลักขณา พระเคราะห์ตัวนั้นเปนเกณฑ์ ผิวลักขณาอยู่ในราศีอำพุ พระเคราะห์ตัวใดเปนสี่กับลักขณา พระเคราะห์ตัวนั้นเปนเกณฑ์ ผิวลักขณาอยู่ในราศีกิตะ พระเคราะห์ตัวใดเปนเจ็ดกับลักขณา พระเคราะห์ตัวนั้นเปนเกณฑ์
และมีการนำมาย่อให้กระชับและจดจำได้ง่ายขึ้นไปอีก ได้ว่า “นระเอกะ จตุอำพุ กิตตะสัตตะ ปัสวะทศ”
พระเคราะห์องค์เกณฑ์เป็นดาวในจักรราศีที่ “ให้คุณ” กับเจ้าชะตา โดยไม่คำนึงว่า ดาวดวงนั้นจะมีทำเนียบไม่ดี เช่น เป็นประ เป็นนิจ หรือ ถ้านับทักษาแล้วดาวตกกาลกิณี ก็ยังส่งผลดี อยู่นั่นเอง เมื่อรู้คุณสมบัติดังนี้ ทีมงานก็อยากจะรู้ว่าพระเคราะห์องค์เกณฑ์ที่ว่านี้คืออะไร แล้วในดวงของเราจะมีปรากฏสักดวงไหม? ทีมงานจึงได้ศึกษาเพิ่มเติมแล้วนำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
ข้อกำหนดของพระเคราะห์องค์เกณฑ์
ข้อกำหนดของพระเคราะห์องค์เกณฑ์ คือ นระเอกะ – จตุอำพุ – กิตตะสัตตะ – ปัสวะทศ เราจะมาดูความหมายกันค่ะ
1. นระเอกะ
นระ แปลว่า ราศีนระ เอกะ แปลว่า เอก คือ หนึ่ง
นระเอกะ แปลว่า สำหรับคนที่มี “ราศีนระ” ดาวที่เป็นเกณฑ์ คือดาวที่เป็นหนึ่งกับลัคนา หรือ “ดาวกุมลัคนา”
2. จตุอำพุ
อำพุ แปลว่า ราศีอำพุ จตุ แปลว่า สี่
จตุอำพุ แปลว่า สำหรับคนที่มี “ราศีอำพุ” ดาวที่เป็นเกณฑ์ คือ ดาวที่เป็นสี่กับลัคนา หรือ “ดาวที่ภพพันธุ”
3. กิตตะสัตตะ
กิตตะ แปลว่า ราศีกิตะ สัตตะ แปลว่า เจ็ด
กิตตะสัตตะ แปลว่า สำหรับคนที่มีราศี “กิตตะ” ดาวที่เป็นเกณฑ์ คือ ดาวที่เป็นเจ็ดกับลัคนา หรือ “ดาวที่ภพปัตนิ”
4. ปัสวะทศ
ปัสวะ แปลว่า ราศีปัสวะ ทศ แปลว่า สิบ
ปัสวะทศ แปลว่า สำหรับคนที่มี “ราศีปัสวะ” ดาวที่เป็นเกณฑ์ คือ ดาวที่เป็นสิบกับลัคนา หรือ “ดาวที่ภพกรรมะ”
ราศี 4 ประเภท
สำหรับท่านที่ยังไม่มีพื้นฐานโหราศาสตร์ ก็อาจจะไม่รู้ว่า ราศีนระ, ราศีอำพุ, ราศีกิตตะ, ราศีปัสวะ ที่กล่าวถึง คือราศีอะไรบ้าง ทีมงานขออธิบายแบบย่อ ในหน้านี้ว่า โหราศาสตร์ไทยแบ่ง 12 ราศีออกเป็น 4 ประเภทคือ

1. ราศีปัสวะ คือ ราศีเมษ พฤษภ สิงห์
2. ราศีนระ คือ ราศีมิถุน กันย์ ตุลย์ ธนู กุมภ์
3. ราศีอำพุ คือ ราศีกรกฎ มังกร มีน
4. ราศีกิตะ คือ ราศีพิจิก
สำหรับท่านที่เคยรู้ที่มาของราศีแต่ละประเภทแล้ว ก็สามารถข้ามเนื้อหาตอนนี้ไปดูเรื่องกฎของพระเคราะห์องค์เกณฑ์ได้เลยนะคะ
การแบ่งประเภทราศี
ท่านผู้ชมที่สนใจเรื่องที่มาของการแบ่งประเภทราศี เราก็จะมาดูกันสักหน่อย เป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย และจำไม่ยากค่ะ
เริ่มจากราศีประเภทที่หนึ่ง
1. ราศีปัสวะ เป็นราศีสัตว์สี่เท้า ก็คือราศีที่มีรูปสัญลักษณ์เป็นสัตว์ 4 เท้า ได้แก่
1.1 ราศีเมษ – รูปแพะ
1.2 ราศีพฤษภ – รูปโค
1.3 ราศีสิงห์ – รูปสิงห์โต
2. ราศีนระ เป็นราศีที่เกี่ยวกับมนุษย์ คือ ราศีที่มีรูปสัญลักษณ์เป็นคน และของใช้ต่างๆ ของคน ได้แก่
2.1 ราศีมิถุน – รูปคนคู่
2.2 ราศีกันย์ – รูปสาวงาม
2.3 ราศีตุลย์ – รูปตาชั่ง
2.4 ราศีธนู – รูปคนยิงธนู
2.5 ราศีกุมภ์ – รูปหม้อน้ำ
3. ราศีอำพุ เป็นราศีสัตว์น้ำ คือราศีที่มีรูปสัญลักษณ์เป็นสัตว์น้ำ ได้แก่
3.1 ราศีกรกฎ – รูปปู
3.2 ราศีมังกร – รูปมังกร
3.3 ราศีมีน – รูปปลา
4. ราศีกิตะ เป็นราศีแมลง มีเพียงราศีเดียวที่เป็นรูปสัตว์ประเภทแมลง คือ
4.1 ราศีพิจิก – รูปแมงป่อง
นระเอกะ
เมื่อเข้าใจในเรื่องราศีกันแล้ว เราก็จะมาดูเนื้อหาในตำราโหราศาสตร์จักรทีปนีกันต่อ ดังนี้
พระเคราะห์องค์เกณฑ์ประเภทแรก คือ “นระเอกะ” กล่าวไว้ว่า
“ถ้าลักขณาอยู่ในราษีนระ พระเคราะห์ตัวใดอยู่ด้วยลักขณา พระเคราะห์ตัวนั้นเป็นเกณฑ์”
หมายถึง คนที่มีลัคนาอยู่ที่ “ราศีนระ” คือ “มิถุน ตุลย์ ธนู กุมภ์” จะถือว่า ดาวเคราะห์ที่ “กุมลัคนา” เป็นดาวที่เป็นเกณฑ์
นั่นคือคนที่เกิด 4 ราศีนี้ ถ้ามีดาวกุมลัคนาก็จะเป็นคนดวงดีนั่นเอง แต่จะดีอย่างไร จะได้อธิบายในตอนต่อไปค่ะ
จตุอำพุ
พระเคราะห์องค์เกณฑ์ประเภทที่ 2 คือ “จตุอำพุ” กล่าวไว้ว่า
“ถ้าลักขณาอยู่ในราษีอำพุ พระเคราะห์ตัวใดเป็นสี่กับลักขณา พระเคราะห์ตัวนั้นเปนเกณฑ์”
หมายถึง คนที่มีลัคนาอยู่ที่ราศีอำพุ คือ กรกฎ มังกร มีน จะถือว่า ดาวเคราะห์ที่ “ภพพันธุ” คือพระเคราะห์ที่เป็นเกณฑ์
นั่นคือ คนที่เกิด 3 ราศีนี้ ถ้ามีดาวในภพพันธุ ก็จะเป็นคนดวงดี
กิตตะสัตตะ
พระเคราะห์องค์เกณฑ์ประเภทที่ 3 คือ “กิตตะสัตตะ” กล่าวไว้ว่า
“ถ้าลักขณาอยู่ในราษีกิตะ พระเคราะห์ตัวใดเป็นเจ็ดกับลักขณา พระเคราะห์ตัวนั้นเปนเกณฑ์”
หมายถึง คนที่มีลัคนาอยู่ที่ราศีกิตะ คือ ราศีพิจิก จะถือว่า ดาวเคราะห์ที่ “ภพปัตนิ” คือพระเคราะห์ที่เป็นเกณฑ์
นั่นคือ คนที่เกิด ราศีพิจิก ถ้ามีดาวในภพปัตนิ ก็จะเป็นคนดวงดี
ปัศวะทศ
พระเคราะห์องค์เกณฑ์ประเภทที่ 4 คือ “ปัสวะทศ” กล่าวไว้ว่า
“ถ้าลักขณาอยู่ในราษีปัสวะ พระเคราะห์ตัวใดเป็นสิบกับลักขณา พระเคราะห์ตัวนั้นเปนเกณฑ์”
หมายถึง คนที่มีลัคนาอยู่ที่ราศีปัสวะ คือ ราศีเมษ พฤษภ สิงห์ จะถือว่า ดาวเคราะห์ที่ “ภพกรรมะ” คือพระเคราะห์ที่เป็นเกณฑ์
นั่นคือ คนที่เกิด 3 ราศีนี้ ถ้ามีดาวในภพกรรมะ ก็จะเป็นคนดวงดี
ตำแหน่งดาวพระเคราะห์องค์เกณฑ์
เมื่อได้รู้ตำแหน่งของดาวพระเคราะห์องค์เกณฑ์ของทุกราศีแล้ว
ทีมงานได้ทำตารางสรุปตำแหน่งดาวที่เป็นเกณฑ์ของแต่ละราศีมาให้แล้วนะคะ สรุปได้ดังนี้ค่ะ

ตำแหน่งดาวเกณฑ์ของลัคนาราศี
ราศีมังกร ตำแหน่งดาวที่เป็นเกณฑ์ คือ ดาวที่ภพพันธุ
ราศีกุมภ์ ดาวเกณฑ์คือ ดาวที่ภพตนุ
ราศีมีน ดาวเกณฑ์คือ ดาวที่ภพพันธุ
ราศีเมษ ดาวเกณฑ์คือ ดาวที่ภพกรรมะ
ราศีพฤษภ ดาวเกณฑ์คือ ดาวที่ภพกรรมะ
ราศีมิถุน ดาวเกณฑ์คือ ดาวที่ภพตนุ
ราศีกรกฎ ดาวเกณฑ์คือ ดาวที่ภพพันธุ
ราศีสิงห์ ดาวเกณฑ์คือ ดาวที่ภพกรรมะ
ราศีกันย์ ดาวเกณฑ์คือ ดาวที่ภพตนุ
ราศีตุลย์ ดาวเกณฑ์คือ ดาวที่ภพตนุ
ราศีพิจิก ดาวเกณฑ์คือ ดาวที่ภพปัตนิ
ราศีธนู ดาวเกณฑ์คือ ดาวที่ภพตนุ
สรุป: หากดวงชะตาใดมีดาวในภพที่ได้เกณฑ์นับว่ามีดวงชะตาสูงส่งเพราะดาวพระเคราะห์ได้องค์เกณฑ์ ได้แก่
ราศีนระ คือ กุมภ์ มิถุน กันย์ ตุลย์ ธนู มีดาวกุมลัคนา
ราศีปัศวะ คือ เมษ พฤษภ สิงห์ มีดาวในภพกัมมะ
ราศีอำพุ คือ มังกร มีน กรกฎ มีดาวในภพพันธุ
ราศีกีฏะ คือ พิจิก มีดาวในภพปัตนิ
องค์เกณฑ์ตามตำราจักรทีปนี
สูจกิณฺฑํ เชยฺยสิทฺธํ จนฺทกิณฺฑํ สุขาวหํ
ภุมฺมกิณฺฑญฺจ ราชาว พุทฺธกิณฺฑํ กุฏุมฺพิกํ
คุรุกิณฺฑํ ราชา ปูชํ สุกฺรกิณฺฑํ มหทฺธโน
โสรกิณฺฑํ ภูมิปาลํ ราหุกิณฺฑํ อสาทิสํ
ตามพระบาลีที่กล่าวไว้ในตำราจักรทีปนี กล่าวถึง คุณของพระเคราะห์องค์เกณฑ์ทั้ง 8 ดวง ตั้งแต่ ดาวอาทิตย์ ไปจนถึงดาวราหู
ส่วนจะดีในเรื่องใดนั้น เราก็จะดูตามความหมายของดาวทีละดวงให้จนครบทุกดาวกันเลยค่ะ
1. ดาวอาทิตย์เป็นเกณฑ์
ตำรากล่าวไว้ว่า สูจกิณฺฑํ เชยฺยสิทฺธํ สู จะ กิน ทัง เชย ยะ สิท ทัง
สูจะ คือ อาทิตย์ ; กินทัง คือเกณฑ์ ; เชยยะ หรือ ชัยยะ คือ ชัยชนะ
แปลว่า ผิวพระอาทิตย์เปนเกณฑ์ ผู้นั้นจะมีไชยชนะแก่ข้าศึกศัตรูทั้งปวง
อธิบายได้ว่า เจ้าชะตาที่ได้ดาวอาทิตย์เป็นเกณฑ์ ท่านจะได้รับชัยชนะอยู่เสมอ หากต้องต่อสู้แข่งขันกันเมื่อใดศัตรูก็จะพ่ายแพ้ ดีในแง่ของการต่อสู้ และการแข่งขันต่างๆ ถ้าในสมัยก่อน ก็ดีในการรบทัพจับศึก เพราะเป็นบุคคลที่ไม่รู้จักความพ่ายแพ้
2. ดาวจันทร์เป็นเกณฑ์
ตำรากล่าวไว้ว่า จนฺทกิณฺฑํ สุขาวหํ จัน ทะ กิน ทัง สุ ขา วะ หัง
จันทะ คือ จันทร์ ; กินทัง คือเกณฑ์ ; สุขา คือ ความสุข
แปลว่า ผิวพระจันทร์เปนเกณฑ์ ผู้นั้นจะมีความศุขมากหาอันตรายมิได้
อธิบายได้ว่า เจ้าชะตาที่ได้ดาวจันทร์เป็นเกณฑ์ จะมีชีวิตที่มีความสุขอย่างมาก ไม่มีอันตรายใดๆ มา กล้ำกราย ชีวิตจะราบรื่น และมีแต่ความสุขความสบาย
3. ดาวอังคารเป็นเกณฑ์
ตำรากล่าวไว้ว่า ภุมฺมกิณฺฑญฺจ ราชาว พุม มะ กิน ทัน จะ รา ชา วะ
ภุมมะ คือ อังคาร ; กินทัง คือ เกณฑ์ ; ราชา คือ ผู้มีอำนาจเหนือผู้อื่น
แปลว่า ผิวพระอังคารเปนเกณฑ์ ผู้นั้นจะได้เปนพระยามีอานุภาพมาก
อธิบายได้ว่า เจ้าชะตาที่ได้ดาวอังคารเป็นเกณฑ์ จะมียศ มีตำแหน่ง มีอำนาจ มีผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนมาก (ยศชั้น “พระยา” ถ้าเปรียบกับสมัยปัจจุบันคือ พันเอก หรือ พลตรี แต่ในสมัยอยุธยาตอนต้น นับเป็นยศชั้นสูงสุดทีเดียว)
4. ดาวพุธเป็นเกณฑ์
ตำรากล่าวไว้ว่า พุทฺธกิณฺฑํ กุฏุมฺพิกํ พุด ทะ กิน ทัง กุ ดุม พิ กัง
พุดทะ คือ พุธ ; กินทัง คือ เกณฑ์ ; กุดุมพะ คือ คนรวยมีทรัพย์มาก
แปลว่า ผิวพระพุฒเปนเกณฑ์ ผู้นั้นจะเปนกุฏุมพีมีทรัพย์อุปโภคบริโภคมาก
หมายถึง เจ้าชะตาที่ได้ดาวพุธเป็นเกณฑ์ จะเป็นคนรวย มักเป็นพ่อค้าวาณิช (กฎุมภี หมายถึงคนชั้นกลาง) เจ้าชะตาจะมีทรัพย์มาก มีกินมีใช้เหลือเฟือ ไม่รู้จักคำว่าขาดแคลน
5. ดาวพฤหัสเป็นเกณฑ์
ตำรากล่าวไว้ว่า คุรุกิณฺฑํ ราชา ปูชํ คุ รุ กิน ทัง รา ชา ปู ชัง
คุรุ คือ พฤหัส ; กินทัง คือ เกณฑ์ ; ราชา คือ ผู้มีอำนาจมาก ; ปูชัง คือ บูชา
แปลว่า ผิวพระพฤหัศบดีเปนเกณฑ์ ผู้นั้นจะมีคุณวิชามาก ท้าวพระยาจะกระทำสักการะบูชา
หมายถึง เจ้าชะตาที่ได้ดาวพฤหัสเป็นเกณฑ์ จะเป็นผู้รู้ เป็นกูรู เป็นครูบาอาจารย์ มีความรู้ทางวิชาการ หรือมีปัญญามาก แม้แต่ ขุนนางระดับสูง (ยศชั้นพระยา คือ สูงสุดในสมัยก่อน) ก็ยังต้องให้ความเคารพบูชา
6. ดาวศุกร์เป็นเกณฑ์
ตำรากล่าวไว้ว่า สุกฺรกิณฺฑํ มหทฺธโน สุ กระ กิน ทัง มะ หัด ทะ โน
สุกระ คือ ศุกร์ ; กินทัง คือ เกณฑ์ ; มะหดัทะโน คือ เศรษฐี
แปลว่า ผิวพระศุกรเปนเกณฑ์ ผู้นั้นจะเปนเสรฐีมีโภคสมบัติบริวารมาก
หมายถึง เจ้าชะตาที่ได้ดาวศุกร์เป็นเกณฑ์ จะเป็นเศรษฐี เป็นคนร่ำรวย เจ้าชะตามีกินมีใช้เหลือเฟือ และจะมีบุตรหลาน บริวาร ห้อมล้อม มีคนรับใช้จำนวนมาก
7. ดาวเสาร์เป็นเกณฑ์
ตำรากล่าวไว้ว่า โสรกิณฺฑํ ภูมิปาลํ โส ระ กิน ทัง ภู มิ ปา ลัง
โสระ คือ เสาร์ ; กินทัง คือ เกณฑ์ ; ภูมิปาลัง คือ ผู้รักษาแผ่นดิน
แปลว่า ผิวพระเสาร์เปนเกณฑ์ ผู้นั้นจะเปนกระษัตริย์รักษาแผ่นดิน
หมายถึง เจ้าชะตาที่ได้ดาวเสาร์เป็นเกณฑ์ จะได้ผู้ปกครอง นักปกครอง จะได้เป็นประมุขผู้ปกครองรักษาแผ่นดิน ในสมัยปัจจุบันส่งผลดีกับผู้ที่มีความรู้ทางรัฐศาสตร์ นักปกครอง เป็นนายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด หรืองานในกรมการปกครอง
8. ดาวราหูเป็นเกณฑ์
ตำรากล่าวไว้ว่า ราหุกิณฺฑํ อสาทิสํ รา หุ กิน ทัง อะ สา ทิ สัง
ราหุ คือ ราหู ; กินทัง คือ เกณฑ์ ; อะสาทิสัง คือ ไม่มีใครเทียบ
แปลว่า ผิวพระราหูเปนเกณฑ์ ผู้นั้นจะมีคุณแลยศวิเศษต่าง ๆ หาผู้เสมอบมิได้
หมายถึง เจ้าชะตาที่ได้ดาวราหูเป็นเกณฑ์ จะมีความสามารถสูงส่ง เป็นผู้วิเศษ ไม่มีใครเทียบได้
ในตอนนี้ก็ได้รู้ถึงคุณวิเศษต่างๆ ของดาวพระเคราะห์ที่ได้ตำแหน่งอค์เกณฑ์ ทั้ง 8 ดวงแล้วนะคะ
ขอย้ำว่าในกฎของดาวพระเคราะห์องค์เกณฑ์นี้ จะไม่ถือว่าส่งผลเสีย หรือ ถดถอย-ด้อยกำลัง แม้ว่าดาวจะได้ตำแหน่งเป็นประ เป็นนิจ หรือ หากนับทักษาแล้วไปตกกาลกิณี ก็ไม่นับว่าเสียหาย
องค์เกณฑ์ตามตำราโหราศาสตร์
นอกเหนือจากดาวพระเคราะห์องค์เกณฑ์ที่นำมาจากตำราโหราศาสตร์จักรทีปนี ของ กรมพระปรมานุชิตชิโนรสแล้ว ในตำโหราศาสตร์พื้นฐานก็ได้มีการกำหนดดาวพระเคราะห์องค์เกณฑ์เช่นกัน แต่มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ทีมงานจึงขอกล่าวถึงเพื่อเปรียบเทียบให้ดูกันค่ะ
องค์เกณฑ์นระ กล่าวเป็นโคลงสี่สุภาพไว้ว่า : –
นระสุริยะเรื้อง รังสี
โสระชีวะโดยมี ถูกต้อง
สามองค์เทพโสภี กุมลัคน์
ดวงชะตาใดพรั่งพร้อม ยศนั้นนาพัน
องค์เกณฑ์นระ คือผู้ที่มีลัคนาในราศีนระ ได้แก่ ราศีมิถุน กันย์ ตุลย์ ธนู และกุมภ์
ชุดดาวองค์เกณฑ์นระ คือ “สุริยะ โสระ ชีวะ สามองค์ กุมลัคน์” แปลได้ว่า อาทิตย์ เสาร์ พฤหัส หรือ ๑ ๗ ๕ ต้องมีดาวทั้ง ๓ ดวงกุมลัคน์ จะได้ยศถาบรรดาศักดิ์เทียบเท่ากับนาพันไร่ เงื่อนไขขององค์เกณฑ์นระ คือ จะต้องมีดาวทั้ง 3 ดวงจึงจะครบองค์ แล้วก็จะส่งผลโดยตรงกับเจ้าชะตา (เพราะดาวกุมลัคน์) จะขาดดวงใดดวงหนึ่งไม่ได้ แต่ก็มีกล่าวไว้ว่าหากไม่ครบองค์ ก็ยังส่งผลแต่ลดหลั่นกันลงไป
องค์เกณฑ์นระ หรือเรียกว่าเป็น “ก๊กศักดินา” ที่เราคุ้นเคยกันนั่นเอง
องค์เกณฑ์อัมพุช กล่าวเป็นโคลงสี่สุภาพไว้ว่า : –
อัมพุชพลจุ่งแจ้ง สี่สถาน
พุธ ศุกร์ ชีวะวาร ส่งสร้อย
จันทร์องค์ประไพพาล รุจิเรก
คุณย่อมแสดงใช่น้อย ยศนั้นถึงพระยา
องค์เกณฑ์อัมพุช คือผู้ที่มีลัคนาในราศีสัตว์น้ำ ได้แก่ ราศีกรกฎ มังกร มีน
ชุดดาวองค์เกณฑ์อัมพุช “พุธ ศุกร์ ชีวะ จันทร์ สี่สถาน” แปลได้ว่า พุธ ศุกร์ พฤหัส จันทร์ หรือ ๔ ๖ ๕ ๒ ต้องมีดาวทั้ง 4 ดวง เป็นสี่กับลัคนา (อยู่ที่ภพพันธุ) จะได้ยศถาบรรดาศักดิ์เทียบเท่าพระยา เงื่อนไขขององค์เกณฑ์อัมพุช คือ ต้องมีดาวครบทั้ง 4 ดวง จึงจะครบองค์ แล้วก็จะส่งผลถึงเรื่องครอบครัววงศ์ตระกูลของเจ้าชะตา (เพราะอยู่ในภพพันธุ) จะขาดดวงใดดวงหนึ่งไม่ได้ แต่ก็มีกล่าวไว้ว่าหากไม่ครบองค์ ก็ยังส่งผลแต่ลดหลั่นกันลงไป
องค์เกณฑ์อัมพุช เป็นเรื่องของความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของครอบครัวหรือของวงศ์ตระกูล เจ้าชะตาจะสร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคงให้กับครอบครัวได้ ไม่ตกต่ำ สร้างฐานะได้ดีกว่าพื้นฐานฐานะดั้งเดิมของครอบครัว
องค์เกณฑ์อัมพุช หรือเรียกว่าเป็น “ก๊กเศรษฐี” ที่เราคุ้นเคยกันนั่นเอง
องค์เกณฑ์กิฏะ กล่าวเป็นโคลงสี่สุภาพไว้ว่า : –
กิฏะสัตตะต้อง ภุมเมนทร์
อสุรินทร์องค์เกณฑ์ กล่าวไว้
แม้ชาติตัวเวร อัปลักษณ์ ก็ดี
คุณก็แสดงให้ ยศนั้นเสมอพงศ์
องค์เกณฑ์กิฏะ คือผู้ที่มีลัคนาในราศีแมลง ได้แก่ ราศีพิจิก
ชุดดาวองค์เกณฑ์กิฎะ คือ “ภุมเมทร์ อสุรินทร์ เป็นสัตตะ” แปลได้ว่า อังคาร ราหู หรือ ๓ ๘ ต้องมีดาวทั้งสองดวงเป็นเจ็ดกับลัคนา (อยู่ในภพปัตนิ) หรือ เล็งลัคนา ดาวชุดนี้จะส่งผลให้ได้รับการเกื้อกูลจากคนรัก คู่ครอง รวมถึงหุ้นส่วนชีวิต เงื่อนไขขององค์เกณฑ์กิฏะ คือ ต้องมีดาวครบทั้ง 2 ดวง จึงจะครบองค์ แล้วก็จะส่งผลถึงเรื่องคนรัก คู่ครอง หุ้นส่วนของเจ้าชะตา (เพราะอยู่ในภพปัตนิ) จะขาดดวงใดดวงหนึ่งไม่ได้ แต่ก็มีกล่าวไว้ว่าหากไม่ครบองค์ ก็ยังส่งผลแต่ลดหลั่นกันลงไป
องค์เกณฑ์กิฏะ เป็นเรื่องของความรัก คนรัก คนสนิท คู่ครอง จะช่วยเหลือเกื้อกูลเจ้าชะตาให้ไม่ต่ำไปกว่าตระกูลเดิมหรือไม่ต่ำกว่าฐานะดั้งเดิมของครอบครัว
องค์เกณฑ์ปัศวะ กล่าวเป็นโคลงสี่สุภาพไว้ว่า : –
ปัศวะทศต้อง องค์เกณฑ์
ชีวิจันทร์ภุมเมนทร์ ผ่องแผ้ว
อีกองค์สุริเยนทร์ ทรงยศ
สี่สถานเลิศแล้ว ยศนั้นถึงพระยา
องค์เกณฑ์ปัศวะ คือผู้ที่มีลัคนาในราศีสัตว์ 4 เท้า ได้แก่ลัคนาราศี เมษ พฤษภ สิงห์
ชุดดาวองค์เกณฑ์ปัศวะ คือ “ปัศวะทศ ชีวิ จันทร์ ภุมเมนทร์ สิระเยนทร์” แปลได้ว่า ต้องมีดาว พฤหัส จันทร์ อังคาร อาทิตย์ หรือ ๑ ๒ ๓ ๕ เป็นสิบกับลัคนา (อยู่ในภพกรรมะ) เงื่อนไขขององค์เกณฑ์ปัศวะ คือ ต้องมีดาวครบทั้ง 4 ดวง จึงจะส่งผลดีในเรื่องการงาน (เพราะดาวอยู่ในภพกรรมะ) จะได้ยศถาบรรดาศักดิ์เทียบเท่าพระยา แต่หากไม่ครบองค์ จะส่งผลลดหลั่นกันลงไป
องค์เกณฑ์ปัศวะ ซึ่งเป็นเรื่องของหน้าที่การงานโดยตรง ส่งผลให้หน้าที่การงานมีความเจริญก้าวหน้ามั่นคง ได้รับตำแหน่งสูง ดาววาสนาชุดนี้จะส่งผลให้ ทำงานแล้วมีคนเห็น มีคนชื่นชมผลงาน หรือผลงานโดนใจ เกณฑ์นี้จะเน้นเรื่องการประกอบอาชีพโดยตรง เจ้าชะตาสามารถใช้อาชีพนั้นสร้างการงานของตัวเองให้มั่นคง จนเกิดความร่ำรวย มีความมั่นคง สูงส่งในชีวิตได้
ทีมงานก็ขอจบเรื่องดาวพระเคราะห์องค์เกณฑ์ ในรายการคุยเรื่องดาว-เล่าเรื่องดวง ไว้เพียงเท่านี้ เพื่อให้แฟนรายการไว้ใช้ประดับความรู้ในการตรวจดวงชะตา เราจะได้รู้ว่าดวงชะตาของบุคคลที่เราพิจารณานั้นจะสูงส่งเพียงใด องค์เกณฑ์ต่างๆ มีความแม่นยำดีทีเดียว แต่อาจารย์หลายท่านก็ละไว้ ไม่ได้กล่าวถึง ด้วยเมตตาต่อศิษย์ที่ไม่มีพระเคราะห์องค์เกณฑ์ ว่าจะเกิดความท้อถอยเสียกำลังใจว่าตนไร้วาสนาสูงส่ง
อย่างไรก็ตามนี่คือทฤษฎี หรือ กฎเกณฑ์ตามหลักวิชาโหราศาสตร์ที่บัญญัติไว้ และก็เป็นไปตามสำนวนไทยที่ว่า “แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แต่แข่งวาสนานั้น แข่งไม่ได้”
ทีมงานก็หวังว่าท่านผู้ชมจะได้ประโยชน์จากคลิปนี้ไม่มากก็น้อย ขอให้ทุกท่านอย่าได้ท้อแท้และมีความมุ่งมั่นในการใช้ชีวิตอย่างดีและมีสติต่อไป สวัสดีค่ะ
ด้วยสำนึกในพระคุณครู
กราบแทบบาทครูบาอาจารย์เจ้า ผู้คอยเฝ้าสอนสั่งศิษย์ทั้งหลายฯ
ทีมงานตาณฑวะ