การกำเนิด

นิทานเรื่องการกำเนิด
นิทานเรื่องการกำเนิด
ในทางโหราศาสตร์ ดวงดาวกำหนดชีวิตคน เมื่อกำเนิดลมหายใจแรก ดวงดาวส่งผลอย่างไร ก็มีคุณลักษณะไปตามที่ดาวส่งผลถึง
โดยมีรายละเอียดขั้นตอน มาดูกันค่ะ
อ้างอิงจาก ตำราโลกธาตุ ของ พระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป)
ขั้นตอนของการกำเนิด
ในการกำเนิดของบุคคล นับแต่ลมหายใจแรก นับเป็นเวลาตกฟาก จะมีขั้นตอนคือ
1. กำเนิดรูป
2. อวัยวะต่างๆ
3. เพศ
4. ประสาทสัมผัส
5. ความรู้สึก
6. ชื่อ
7. ลักษณะ
8. จริต
กำเนิดรูป
ดาวพระเคราะห์ทั้ง 8 เป็นสังขารประชุมกัน โดยมีวิญญาณคืออาตมัน* (อัตตา) และอาตมันนั้นให้บังเกิดนามรูป โดยมีอัฐเคราะห์ (ดาวเคราะห์ทั้ง 8) ครองธาตุทั้ง 4 ดังนี้
ธาตุไฟ ครองโดย ดาวอาทิตย์ ดาวเสาร์
ธาตุดิน ครองโดย ดาวจันทร์ ดาวพฤหัส
ธาตุลม ครองโดย ดาวอังคาร ดาวราหู
ธาตุน้ำ ครองโดย ดาวพุธ ดาวศุกร์
รูปอันกำเนิดโดยธาตุทั้ง 4 จะพิการแปรปรวนอย่างไร ก็เป็นไปตามดาวเคราะห์นั้น
* วิญญาณคืออาตมันหรืออัตตา ตามสภาวะ หากไม่ยึดถือเรียกอาตมัน หากไปยึดถือเป็นตัวตน เรียกอัตตา
อวัยวะต่าง ๆ
อวัยวะต่างๆ
รูปย่อมมีอวัยวะเป็นเครื่องจักรช่วยให้ดำเนินความสืบชีพ อวัยวะสำคัญที่ดาวเคราะห์คุมอยู่คือ
๑ อาทิตย์ ศีรษะ
๒ จันทร์ ทวารหนัก
๓ อังคาร ม้าม
๔ พุธ ปอด มันสมอง
๗ เสาร์ ลำไส้ เส้นประสาท
๕ พฤหัสบดี กระเพาะอาหาร หัวใจ
๘ ราหู ตับ
๖ ศุกร์ กระเพาะปัสสาวะ
ภาวรูป (เพศ)
อาตมันและนามรูปคลอดออกมาแล้ว เรียกว่า อัตตภาพ ดาวเคราะห์ที่เข้าประจำภาวรูป คือ
ปุริสภาวรูป (เพศชาย) อาทิตย์ อังคาร พฤหัสบดี
อิตถีภาวรูป (เพศหญิง) จันทร์ ศุกร์ ราหู
ภาวะนปุงสก (ไม่ใช่เพศชายและไม่ใช่เพศหญิง) พุธ เสาร์ เกตุ
ปัจจัยผัสสะ (อายตนะหก)
เมื่ออัตตภาพคลอดออกมาแล้ว อายตนะทั้ง 6 ก็เริ่มกระทบกับอารมณ์ภายนอก เกิดเป็นความรู้สึก ถ้าอารมณ์นั้นส่งเสริมก็พอใจ ถ้าขัดต่อปกตินั้น ก็รู้สึกไม่พอใจ ถ้าไม่เป็นทั้งสองอย่าง ก็รู้สึกพอเป็นกลางๆ ดาวเคราะห์ที่ประจำประสาท รู้สึกแจ่มใสอย่างไร ก็สุดแต่ดาวเคราะห์นั้น คือ
จักษุประสาท อาทิตย์ เสาร์ ธาตุไฟ แสงสว่าง
โศรตรประสาท มฤตยู อากาศธาตุ ช่องว่าง
ฆานประสาท อังคาร ราหู ธาตุลม สูดเข้าออก
ชิวหาประสาท พุธ ศุกร์ ธาตุน้ำ เอิบอาบ
กายประสาท จันทร์ พฤหัสบดี ธาตุดิน แท่งทึบ
สำหรับอายตนะที่หกคือใจ ทำหน้าที่รู้สึก จึงไม่ต้องมีประสาท มีพระเกตุอันเป็นวิญญาณธาตุเข้าประจำ
ผัสสะปัจจยา (ก่อให้เกิด) เวทนา
เมื่ออัตตภาพเกิด มีอายตนะบอกให้รู้อันตรายต่างๆ และเอาตัวรอดได้ในระยะแรกแล้ว ต่อมาคือหน้าที่ดำรงตน
อารณ์ภายนอกที่มากระทบ เมื่อรู้สึกพึงพอใจก็เกิด สุขเวทนาคือความสบายใจ สั่งสมเป็นอารมณ์เพิ่มพูนให้ความเป็นอยู่ของอัตภาพนั้นยืนยง จะได้มีกำลังใจทนอยู่ได้เมื่อกระทบอารมณ์อันทำลายปกติ ที่เรียกว่าทุกขเวทนา ไม่ใจเสาะตายง่าย และเพื่อพยายามกำจัดอารมณ์นั้น
เมื่อผัสสะรู้สึกพึงพอใจ ย่อมก่อให้เกิดสุขเวทนาเป็นอาการของศุภเคราะห์ (๒ ๔ ๕ ๖) ความรู้สึกไม่พอใจให้เกิดทุกขเวทนาเป็นอาการของบาปเคราะห์ (๑ ๓ ๗ ๘) และความรู้สึกพอเป็นกลางๆ ให้เกิดเวทนาที่มิใช่สุขมิใช่ทุกข์ เป็นอาการของ ๐ คือเคราะห์มฤตยู
นามอัฐเคราะห์
เมื่อกำเนิดรูปปรุงแต่งจนเกิดเวทนารู้สึกทุกข์สุขแล้ว นับว่ามีอัตตภาพเป็นมนุษย์ครบ จึงมีชื่อเรียกขาน ดังนี้
๑ อาทิตย์ ครุฑนาม นก
๒ จันทร์ พยัคฆนาม เสือ
๓ อังคาร สิงหนาม สิงห์
๔ พุธ โสณนาม สุนัข
๗ เสาร์ นาคนาม งู
๕ พฤหัส มุสิกนาม หนู
๘ ราหู คชนาม ช้าง
๖ ศุกร์ อัชนาม แพะ
กล่าวเป็นโคลงไว้ว่า
อาทิตย์นามครุฑท้าว ปักษี
จันทรนามพยัคฆี เบียฑเนื้อ
อังคารกล่าวนามมี สิงหาราช
พุธสุนัขโดยเชื้อ ชาตินั้น เป็นนาม
พฤหัสบดิ์มุสิกนี้ นามหนู
ศุกร์อัชนามสู แพะพี้
พระเสาร์อิศรเอกงู นามนาค
อสุรินทร์ท่านชี้ คชช้างนามแถลง
อัฐเคราะห์แสดงลักษณะ
บุคคลที่เกิดมาแล้วจะมีลักษณะอย่างไรจะทราบได้ด้วยดาวเคราะห์แสดงให้เห็น
๑ ดูสถานฟุ้งเฟื่อง ให้ดูอาทิตย์
๒ ดูรูปดูจิตต์ (หรือจริต) ให้ดูจันทร์
๓ ดูกล้าแข็งขยัน ให้ดูอังคาร
๔ ดูอ่อนดูหวาน ให้ดูพุธ
๕ ดูปัญญาบริสุทธิ์ ให้ดูพฤหัสบดี
๖ ดูโภคสมบัติ ให้ดูศุกร์
๗ ดูโทษดูทุกข์ ให้ดูเสาร์
๘ ดูมัวดูเมา ให้ดูราหู
๙ ดูอายุอยู่ยืน ให้ดูเกตุ
๐ ดูโรคภัยอาเพด ให้ดูมฤตยู
เคราะห์ประจำจริต
มนุษย์จะมีจริตหนักไปทางไหน อาศัยอิทธิพลของดาวเคราะห์ถ่วงให้เป็นไป
๖ ราคจริต รักสวยงามเป็นพื้น ชอบในกามารมณ์ทั้งห้า
๗ วิตกจริต นึกพล่านเป็นพื้น ยิ่งคิดยิ่งฟุ้ง
๓ โทสะจริต หงุดหงิดเป็นพื้น โกรธง่าย ในที่สุดเห็นช้างเท่าหมู
๔ ศรัทธาจริต เชื่อง่ายเป็นพื้น ชอบในธรรมารมณ์
๘ โมหจริต เขลางมงายเป็นพื้น ยิ่งคิดยิ่งหลง
๕ พุทธิจริต ยั้งใจใช้ความคิดเป็นพื้น ในที่สุดไม่เห็นเป็นช้างหรือเป็นหมู
สรุปได้ว่า บุคคลถือกำเนิดด้วย ธาตุพื้นฐาน มีวิญญาณเข้าควบคุม พระเคราะห์ครองอวัยวะ ประสาทสัมผัส ความรู้สึกสุขทุกข์ มีลักษณะรูปร่างและนิสัยไปตามพระเคราะห์ ตลอดไปจนถึงจริตต่างๆ ครบเป็นการกำเนิดของบุคคลนั้น
ด้วยสำนึกในพระคุณครู
กราบแทบบาทครูบาอาจารย์เจ้า ผู้คอยเฝ้าสอนสั่งศิษย์ทั้งหลายฯ
ทีมงานตาณฑวะ