เรือนชะตา

เรือนชะตาและความหมาย

สวัสดีค่ะ พบกับทีมงานตาณฑวะ ในคอลัมน์ “คุยเรื่องดาว เล่าเรื่องดวง” วันนี้เราจะชวนท่านผู้ชมมาดูจักรราศีกันค่ะ

ในวิชาโหราศาสตร์กล่าวไว้ว่า ชีวิตคนนั้นประกอบไปด้วยเรื่องหลักๆ 12 เรื่อง แทนด้วยเรือนชะตา 12 ช่อง ซึ่งตรงกับ 12 ราศีในดวงที่เรานำมาพยากรณ์กัน

เรามาดูความหมายของเรือนชะตาทั้ง 12 ว่ามีความหมายอย่างไรกันบ้าง เพื่อประดับความรู้ และสำหรับท่านที่มีดวงชะตากำเนิดอยู่แล้ว ก็จะได้เข้าใจในดวงของตนเองมากขึ้น

Let's join our channel
12 เรือนชะตา

เรือนชะตาในวิชาโหราศาสตร์มี 12 ช่อง เท่ากับ 12 ราศี เราจะนับราศีที่มีลัคนาของเราเป็น ช่องที่ 1
สมมุติว่า เกิดราศีเมษ เราก็ให้ช่องราศีเมษเป็นเลข 1
จากนั้นเราก็นับวนไป ในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเป็น เลข 2 ที่ราศีพฤษภ
และนับต่อไปอีก เป็นเลข 3 ที่ราศีมิถุน เรียงลำดับไปเช่นนี้
เมื่อเรานับไปจนครบทั้ง 12 ราศี เราก็จะได้หมายเลข 1 ถึง 12
– ช่องที่ 1 ที่มีลัคนา เราเรียกชื่อว่า ภพตนุ
– ช่องที่ 2 เรียกว่า ภพกดุมภะ
– ช่องที่ 3 เรียกว่า ภพสหัสชะ
– ช่องที่ 4 เรียกว่า ภพพันธุ
– ช่องที่ 5 เรียกว่า ภพปุตตะ
– ช่องที่ 6 เรียกว่า ภพอริ
– ช่องที่ 7เรียกว่า ภพปัตนิ
– ช่องที่ 8 เรียกว่า ภพมรณะ
– ช่องที่ 9 เรียกว่า ภพศุภะ
– ช่องที่ 10 เรียกว่า ภพกัมมะ
– ช่องที่ 11 เรียกว่า ภพลาภะ
– ช่องที่ 12 เรียกว่า ภพวินาศะ

ภพตนุ

เราจะมาดูความหมายของภพที่ 1 คือภพ “ตนุ” กันค่ะ
ภพตนุ จำง่ายๆ ก็คือ มาจากคำว่า “ตน” หรือ “ตัวตน” ของเรานั่นเอง ช่องนี้ก็คือ “All about ME” ทุกสิ่งทุกอย่างที่แสดงความเป็น “ตัวฉัน” หมายถึง ร่างกาย-ที่เป็นเรื่องภายนอก และ จิตใจ-ที่เป็นเรื่องภายใน

ร่างกาย ก็คือ
 หน้าตา (หรือทางจีนเรียกโหงวเฮ้ง)
 ผิวพรรณ
 รูปร่าง
 บุคลิกภาพ

จิตใจ ก็คือ
 ตัวตนที่แท้จริง
 นิสัยใจจริง

ภพตนุ บอกอะไรได้บ้าง

ภพตนุในดวงชะตากำเนิดบอกอะไรกับเราบ้าง เราก็จะมาดูรายละเอียดกันค่ะ
1. ราศี – คนแต่ละราศีมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป ในเรื่องนิสัยตามราศี เราได้ทำคลิปแยกไว้เป็นเรื่องเฉพาะ เนื่องจากมีความยาวและรายละเอียดมากพอสมควร จึงไม่ได้แจงรายละเอียดไว้ในคลิปนี้
2. ธาตุ – คนแต่ละธาตุมีจะจิตใจที่เป็นไปตามธาตุนั้น คือ
1.1 ธาตุไฟ ใจร้อน มีความมุ่งมั่น
1.2 ธาตุดิน จิตใจหนักแน่น มั่นคง ไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ
1.3 ธาตุลม แปรเปลี่ยนง่าย มีความผันผวน เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
1.4 ธาตุน้ำ จิตใจเยือกเย็น ปรับตัวตามสภาพแวดล้อม หรือ ปรับตัวตามสถานการณ์ได้เก่ง
3. ดาว – ดาวในภพตนุจะส่งผลถึงเจ้าชะตามากที่สุดเพราะเป็นดาวที่ร่วมราศีกับลัคนา บอกถึงนิสัยใจจริง ของเจ้าชะตา
4. ดาวเจ้าเรือนเกษตร – บอกพื้นฐานของเจ้าชะตา และในหลายตำราก็หมายถึงดาวประจำตัวอีกด้วย

ตัวอย่างการอ่านภพตนุ

มาลองดูกันสักหนึ่งตัวอย่าง สำหรับ คนลัคนาราศีเมษ มีดาวพฤหัสอยู่ที่ภพตนุ เราจะอ่านความหมายได้ดังนี้
1. รูปลักษณ์ภายนอก คือ
1.1 ใบหน้ากลม มีแก้ม
1.2 รูปร่างสันทัด
1.3 กิริยาสุภาพเรียบร้อย
1.4 การเคลื่อนไหวช้า เดินเหินช้า ออกแนวสุขุม
2. จิตใจภายใน คือ
2.1 มีคุณธรรม
2.2 ใส่ใจใฝ่หาความรู้
2.3  อนุรักษ์นิยม ชอบขนบประเพณีดั้งเดิม ชอบของเก่าๆ ชอบคุยกับคนแก่
3. นิสัย ดื้อรั้น (อ่านจากราศีเมษ)
4. ทำสิ่งใดมีความมุ่งมั่น (อ่านจากราศีธาตุไฟ)
5. พื้นฐานเป็นคนไม่ชอบอยู่เฉย (อ่านจากเจ้าเรือนเกษตร คือ อังคาร)

ภพกดุมภะ

ต่อมาเราจะมาดูภพที่ 2 คือ ภพกดุมภะ บางตำราใช้ ฎ-ชฎา ในคำว่า กฎุมภะ ก็มีค่ะ
คนจะรวยหรือจน เรามักจะดูช่องนี้เป็นพื้นฐานก่อน เพราะคำว่ากดุมภะ มาจากคำโบราณว่า กระฎุมพะ มาจากภาษาสันสกฤต [กุฏุมฺพ (กุ-ตุม-พะ)] ที่แปลว่า ขุมทรัพย์
ภพกดุมภะ ยังหมายถึงสิ่งที่ติดตัวมาได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นหนี้สิน ทรัพย์สิน มรดก หรือสิ่งอื่นที่ติดตัวมา

เมื่อเราดูภพกดุมภะ เราก็สามารถแปลความหมายได้จาก ดาวในภพกดุมภะ ซึ่งบอกให้รู้ถึง
1. ฐานะ คือ ความร่ำรวย หรือ ความยากจน
2. การได้มาหรือเสียไปของทรัพย์ พูดง่ายๆ ก็คือ “วิธีหาเงิน” และ “นิสัยการใช้จ่ายเงิน”
3. มรดก หรือ หนี้สิน
4. สิ่งที่ติดตัวมา (บางทีก็ไม่ใช่เงินทองเสมอไป)
5. สถานที่ที่อยู่ติดๆกันกับเรา เช่น
5.1 บ้านที่อยู่ติดกันกับบ้านเรา
5.2 คนที่นั่งทำงานติดกันกับเรา

ตัวอย่าง การอ่านภพกดุมภะ

ยกตัวอย่าง เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น สำหรับ ดวงที่มีดาวอาทิตย์อยู่ที่ภพกดุมภะ เราจะอ่านความหมายได้ดังนี้
1. เนื่องจากอาทิตย์เป็นดาวรายเดือน การเดินคงที่ มีความแน่นอน มีระเบียบ
2. คนที่มีอาทิตย์เป็นกดุมภะ จะเป็นคนที่มีรายได้แน่นอน ส่วนมากทำงานกินเงินเดือน
3. อาทิตย์ ตกกดุมภะ คือทรัพย์ร้อน เป็นคนใช้เงินเก่ง ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ชอบใช้เงินเพื่อสังสรรค์ เข้าสังคม
4. เป็นคนที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ติดตัวมา หมายถึงเกิดในครอบครัวที่มียศศักดิ์หลักฐาน
5. คนที่นั่งทำงานติดกัน ถ้าไม่มียศมีตำแหน่ง ก็จะเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง หรือ เป็นคนเจ้าระเบียบ

ภพสหัสชะ

เรือนที่ 3 มีชื่อว่า สหัสชะ จำง่ายๆ ก็คือมาจากคำว่า “สหาย” หมายถึง เพื่อน พี่น้อง คนในระดับเดียวกันกับเรา ภพสหัสชะยังหมายถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวเราได้อีกด้วย

เมื่อเราดูภพสหัสชะ เราก็จะสามารถถอดรหัสภพสหัสชะได้จากดาวในภพนั้น ซึ่งบอกให้รู้ถึง
1. เพื่อนฝูง พี่น้อง ของเจ้าชะตาเป็นคนแบบไหน
2. คนในระดับเดียวกันที่เจ้าชะตาคบค้าสมาคมเป็นคนแบบใด
3. การคบค้าสมาคมของเจ้าชะตามีรูปแบบอย่างไร
4. คุณหรือโทษที่เจ้าชะตาจะได้จากคนรอบๆ ตัว
5. สภาพแวดล้อมรอบตัวมีลักษณะเป็นเช่นไร
6. สถานที่ที่อยู่ในละแวกเดียวกันกับเรา

ตัวอย่าง การอ่านภพสหัสชะ

ยกตัวอย่าง เพื่อให้เห็นภาพ สำหรับ ดวงที่มีดาวอังคารอยู่ที่ภพสหัสชะ เราจะอ่านความหมายได้ดังนี้
1. เจ้าชะตามีเพื่อนฝูงเป็นคนที่มีลักษณะของดาวอังคารคือ
a. ฉลาด
b. ขยัน
c. กล้าหาญ
d. ชอบอาสา ออกหน้าแทนคนอื่น
2. เพื่อนๆ มักชวนกันเที่ยว สนุกสนาน เจ้าชะตาอยู่กับเพื่อนๆ มักจะชอบดิ้นรนผจญภัย
3. เจ้าชะตามีเพื่อนที่ใช้งานง่าย แต่ออกจะกวนอารมณ์อยู่สักหน่อย
4. สภาพแวดล้อมรอบตัวเรา มีความเคลื่อนไหว มีการเดินทาง กระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวา

ภพพันธุ

เรือนที่ 4 มีชื่อว่า พันธุ จำง่ายๆ ก็คือ เผ่าพันธุ์ หรือ ผูกพัน หมายถึง แม่ วงศ์ตระกูล วงศาคณาญาติ นอกจากนี้ยังหมายถึง บ้านเกิด ถิ่นกำเนิด บ้านช่องห้องหอ อสังหาริมทรัพย์ บางตำรายังหมายถึง ยวดยานคานหาม (สมัยนี้น่าจะหมายถึง รถรา ยานพาหนะ)

เมื่อเราดูภพพันธุ เราก็จะสามารถถอดรหัสภพพันธุได้จากดาวในภพนั้น ซึ่งบอกให้รู้ถึง
1. คุณแม่ วงศ์ตระกูล วงศาคณาญาติ ของเจ้าชะตา
2. บ้านเดิม ถิ่นกำเนิด บ้านช่องห้องหอที่อยู่อาศัย อสังหาริมทรัพย์
3. สิ่งที่เจ้าชะตาขวนขวายพยายาม
4. สถานที่ที่เจ้าชะตาพยายามจะไป

ตัวอย่าง การอ่านภพพันธุ

ยกตัวอย่าง สำหรับ ดวงที่มีดาวศุกร์สถิตภพพันธุ เราจะอ่านความหมายได้ว่า
1. คุณแม่เป็นคนรักสวยรักงาม
2. เจ้าชะตาอยู่ในครอบครัวหรือวงศ์ตระกูลที่เป็น นักวางแผน หรือ นักการเงิน/การธนาคาร
3. เจ้าชะตามักมีบ้านช่องห้องหอที่อยู่อาศัยเป็นคอนโดมิเนียมกลางเมือง
4. เจ้าชะตามีความพยายามในเรื่องไฟแนนซ์ การเงิน การลงทุน

ภพปุตตะ

เรือนที่ 5 มีชื่อว่า ปุตตะ จำง่ายๆ คือ บุตร หมายถึง ลูกหลาน บริวาร คนที่อยู่ในระดับต่ำกว่าเรา อยู่ในปกครองของเรา นอกจากนี้ยังหมายถึง ผลที่จะเกิดขึ้นได้อีกด้วย

เมื่อเราดูภพปุตตะ เราก็จะสามารถถอดรหัสภพปุตตะได้จากดาวในภพนั้น ซึ่งบอกให้รู้ถึง
1. บุตรหลาน
2. บริวาร ลูกน้อง ลูกจ้าง คนรับใช้ คนที่มีฐานะต่ำกว่าเรา
3. สิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นผลตามมาในภายหลัง
4. ผลที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่กระทำไว้ก่อนแล้ว
5. สิ่งที่จะเกิดขึ้นในบั้นปลายของชีวิต
6. สถานที่ที่เราจะได้ไปในภายหลัง

ตัวอย่างการอ่าน ภพปุตตะ

ยกตัวอย่าง สำหรับ ดวงที่มีดาวเสาร์สถิตภพปุตตะ เราจะอ่านความหมายได้ว่า
1. ลูกหลาน จะเป็นคนที่ลักษณะของดาวเสาร์ คือ ตัวโต โครงร่างใหญ่ ดูแข็งแรง
2. บริวารของเรา จะเป็นคนที่ใจกล้า ใจถึง ไม่กลัวต่อสิ่งใด ชอบเสี่ยง
3. ลูกหลาน บริวาร จะมีเครดิตดี รักษาคำมั่นสัญญา
4. สิ่งที่เจ้าชะตาทำ มันจะไม่ค่อยเห็นผลในทันที ต้องอดทนรออยู่เสมอ
5. มักได้รับผลเป็นโทษทุกข์ จากสิ่งที่เคยทำมาในอดีต
6. บั้นปลายชีวิตจะได้รับความทุกข์ยากลำบาก

ภพอริ

เรือนที่ 6 มีชื่อว่า อริ อันนี้จำง่าย คือ คู่อริ ศัตรู คนที่ไม่ถูกกัน ไม่ชอบกัน นอกจากนี้ยังหมายถึงปัญหา อุปสรรค ได้อีกด้วย

เมื่อเราดูภพอริ เราก็จะสามารถถอดรหัสภพอริได้จากดาวในภพนั้น ซึ่งบอกให้รู้ถึง
1. ศัตรู คู่อาฆาต คู่แค้น
2. คู่แข่ง หรือ คู่คดีความ
3. ปัญหาอุปสรรค หรือ ความขัดแย้งที่มักจะพบบ่อยๆ
4. สิ่งที่เจ้าชะตาไม่ชอบ
5. สถานที่ที่อยู่ไกล

ตัวอย่าง การอ่านภพอริ

ยกตัวอย่าง สำหรับ ดวงที่มีดาวราหูสถิตภพอริ เราจะอ่านความหมายได้ว่า
1. เราไม่ชอบความวุ่นวายทุกชนิด ชอบอยู่เงียบๆ ชอบความสงบ เราจึงอยู่ห่างจากความวุ่นวาย
2. เรามีศัตรูคู่แข่งที่มีลักษณะเป็นราหู นั่นคือ
a. ไหวพริบปฏิภาณดี
b. แก้ไขสถานการณ์เก่ง
c. เป็นคนรั้นบอกซ้ายไปขวา บอกขวาไปซ้าย
d. ไม่ยึดถือหลักเกณฑ์หรือคุณธรรมอะไร
e. รวมๆ แล้วคือ ราหูนั้นเอาชนะได้ยาก

ภพปัตนิ

เรือนที่ 7 มีชื่อว่า ปัตนิ อ่านว่า ปัด-ตะ-หนิ ตามศัพท์เดิมคือ ปัตนิ, ปัตนี หรือ ปตานี แปลว่า หญิงแม่เรือน หรือ เมีย นั่นเอง ภพปัตนินอกจากจะหมายถึง คู่ครอง ผัวเมีย ก็ยังหมายถึง หุ้นส่วน ได้อีกด้วย

เมื่อเราดูภพปัตนิ เราก็จะสามารถถอดรหัสภพปัตนิได้จากดาวในภพนั้น ซึ่งบอกให้รู้ถึง
1. คู่ครอง คู่ชีวิต คู่สมรส เนื้อคู่
2. หุ้นส่วน คนที่มาลงทุนทำบางอย่างด้วยกันกับเจ้าชะตา
3. คนรัก คนสนิท คนรู้ใจ
4. สิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราชอบ สิ่งที่ถูกใจ
5. สิ่งที่เราทำเป็นประจำ
6. สถานที่ที่เราไปเป็นประจำ

ตัวอย่าง การอ่านภพปัตนิ

ยกตัวอย่าง สำหรับ ดวงที่มีดาวจันทร์สถิตภพปัตนิ เราจะอ่านความหมายได้ว่า
1. เจ้าชะตาจะชอบ และถูกใจคนที่มีลักษณะเป็นจันทร์คือ
a. อ่อนโยน
b. หัวอ่อน
c. เชื่อฟัง และอยู่ในโอวาท
2. เจ้าชะตาจะได้คู่ครองจะเป็นคนละเอียดอ่อน ผิวพรรณดี รูปร่างอรชร
3. เจ้าชะตาจะมีคนรัก คนรู้ใจ ที่เป็นคนจิตใจเอื้อเฟื้อ และอ่อนไหวง่าย
4. เจ้าชะจามักชอบทำงานบ้าน การครัว หรือทำงานละเอียดที่ต้องใช้ฝีมือ อยู่เป็นประจำ

ภพมรณะ

เรือนที่ 8 มีชื่อว่า มรณะ แปลว่า ความตาย (บางตำราอธิบายว่าดวงดาวในช่องนี้จะบอกถึงลักษณะการตายของเจ้าชะตา) นอกจากจะแปลว่าความตายแล้ว ภพมรณะยังหมายถึง ความเสื่อมถอย หรือ สิ่งที่เสื่อมโทรมได้อีกด้วย

เมื่อเราดูภพมรณะ เราก็จะสามารถถอดรหัสภพมรณะได้จากดาวในภพนั้น ซึ่งบอกให้รู้ถึง
1. ความเสื่อมถอย ความตกต่ำ
2. สิ่งที่เสื่อมโทรมลงไปเรื่อยๆ
3. สิ่งที่จะค่อยๆ หมดไปในบั้นปลายของชีวิต
4. สุขภาพ และ โรคภัย
5. สถานที่ ต่างถิ่นแดนไกล หรือ ต่างจังหวัด

ตัวอย่าง การอ่านภพมรณะ

ยกตัวอย่าง สำหรับ ดวงที่มีดาวอาทิตย์สถิตภพมรณะ เราจะอ่านความหมายได้ว่า
1. ความเป็นอาทิตย์ของเจ้าชะตาจะเสื่อมลงเรื่อยๆ
2. เกียรติยศของเจ้าชะตา จะเสื่อมลงเรื่อยๆ ยิ่งอายุมากยิ่งเสื่อมถอยลง
3. ระเบียบวินัยที่เคร่งครัดสมัยวัยเยาว์ จะค่อยๆ ลดน้อยถอยลง เมื่ออายุมากขึ้น
4. เจ้าชะตาจะมีโรคเกี่ยวกับตา เช่น สายตาสั้น และมักปวดหัวบ่อยๆ

ภพศุภะ

เรือนที่ 9 มีชื่อว่า ศุภะ แปลตามความหมาย คือ ความดีงาม ความเจริญ นอกจากจะเป็นภพของความเจริญแล้ว ภพศุภะยังหมายถึง พ่อ ความคิด ความเชื่อ ความศรัทธา ได้อีกด้วย

เมื่อเราดูภพศุภะ เราก็จะสามารถถอดรหัสภพศุภะได้จากดาวในภพนั้น ซึ่งบอกให้รู้ถึง
1. คุณพ่อ เจ้านาย ผู้บังคับบัญชา
2. บุคคลที่อยู่ฐานะเหนือกว่าเรา บุคคลที่เป็นที่พึ่งพาของเรา
3. ความคิด ความเชื่อ ความศรัทธา
4. ความเจริญก้าวหน้า
5. สถานที่ ที่เราคิดอยากจะไป

ตัวอย่าง การอ่านภพศุภะ

ยกตัวอย่าง สำหรับ ดวงที่มีดาวพุธสถิตภพศุภะ เราจะอ่านความหมายได้ว่า
1. คุณพ่อของเจ้าชะตามีลักษณะเป็นดาวพุธ คือ เป็นคนพูดจาดี อ่อนหวาน สุภาพน่าฟัง
2. เจ้านาย ผู้ใหญ่ คนที่พึ่งพาได้ มักเป็นคนมีวาทะศิลป์ และทำในสิ่งที่คุ้มค่า
3. เจ้าชะตามีหลักความคิดแบบดาวพุธ คือเป็นคนที่ใช้เหตุผล และมีความจริงใจ
4. เจ้าชะตามักเจริญก้าวหน้าในการค้าขาย
5. ถ้ามีการติดต่อสื่อสาร หรือ การประสานงานต่างๆ จะมีความเจริญดี

ภพกรรมะ

เรือนที่ 10 มีชื่อเรียกว่า กัมมะ แปลตามความหมายคือ กรรม หรือ สิ่งที่ต้องกระทำ หมายถึง การงาน อาชีพ กรรมเก่า ได้อีกด้วย

เมื่อเราดูภพกัมมะ เราก็จะสามารถถอดรหัสภพกัมมะได้จากดาวในภพนั้น ซึ่งบอกให้รู้ถึง
1. การงานและอาชีพของเจ้าชะตา
2. สิ่งที่ต้องกระทำ หรือ กรรมเก่า
3. ภาระ สิ่งที่ต้องรับผิดชอบ
4. สถานที่ ที่เราทำงาน

ตัวอย่าง การอ่านภพกรรมะ

ยกตัวอย่าง สำหรับ ดวงที่มีดาวราหูสถิตภพกัมมะ เราจะอ่านความหมายได้ว่า
1. เจ้าชะตามักทำงานแบบราหูนั่นคือ
a. ทำการงานด้วยความวุ่นวาย
b. ทำงานกับผู้คนจำนวนมาก
c. ทำงานไม่เหมือนชาวบ้าน ต้องคอยแก้ไขปัญหาสถานการณ์อยู่เสมอ
d. ทำงานด้วยปฏิภาณไหวพริบ ไม่ค่อยต้องใช้ตำราหรือความรู้สักเท่าไหร่
2. เจ้าชะตามักได้ทำงานเบื้องหลัง
3. ราหูเป็นดาวแห่งการเปลี่ยนแปลง งานที่ทำมักจะต้องโยกย้ายเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ

ภพลาภะ

เรือนที่ 11 มีชื่อว่า ลาภะ แปลตรงๆ คือ ลาภ หมายถึง สิ่งที่ได้มาฟรีๆ ไม่ต้องลงทุนลงแรง และยังหมายถึง ความสำเร็จของเจ้าชะตาได้อีกด้วย

เมื่อเราดูภพลาภะ เราก็จะสามารถถอดรหัสภพลาภะได้จากดาวในภพนั้น ซึ่งบอกให้รู้ถึง
1. โชคลาภ หรือ โชคดี
2. ความสำเร็จของชีวิต
3. สิ่งที่ได้รับโดยไม่ต้องลงทุนลงแรง
4. ลาภผลที่ได้รับบ่อยๆ โดยทั่วไป
5. สิ่งที่เกิดขึ้นโดยเจ้าชะตาไม่ได้กะเกณฑ์ หรือ วางแผนไว้
6. สิ่งที่เกิดขึ้นแบบกะทันหัน
7. สถานที่ ที่เราไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

ตัวอย่าง การอ่านภพลาภะ

ยกตัวอย่าง สำหรับ ดวงที่มีดาวศุกร์สถิตภพลาภะ เราจะอ่านความหมายได้ว่า
1. เจ้าชะตาได้ลาภผลเป็นลักษณะของดาวศุกร์ นั่นคือ
a. โชคดีเรื่องความรัก รักใครมักได้ใกล้ชิด
b. โชคดีเรื่องการลงทุน เล่นหุ้น การเก็งกำไรต่างๆ
2. เป็นที่รัก ที่สนใจ ของคนที่พบเห็น
3. มีคนเสน่หา มีคนมารักใคร่ ไม่ได้ขาด

แต่การตีความดีด้านเดียวก็จะไม่ครบถ้วน จริงๆ แล้วดาวศุกร์นี้ หากไม่ได้ดังใจปรารถนาก็เกิดความทุกข์ขึ้นมาได้ ดังนั้น เมื่อศุกร์สถิตภพลาภะ ก็ยังหมายถึง เจ้าชะตาเป็นคนคิดมาก และ คิดอยากได้ มีความปรารถนาที่จะได้รับความสำเร็จอยู่เสมอ

ภพวินาศะ

เรือนที่ 12 เรือนสุดท้าย มีชื่อว่า วินาศะ แปลว่า ความพินาศ เสียหาย ภพวินาศะ จะแทนเรื่องวิกฤติ การเลิกร้าง ล้มเหลว ก็ได้

เมื่อเราดูภพวินาศะ เราก็จะสามารถถอดรหัสภพวินาศะได้จากดาวในภพนั้น ซึ่งบอกให้รู้ถึง
1. ความพินาศ เสียหาย พังทลาย
2. เหตุวิกฤติที่จะเกิดขึ้นกับชีวิต
3. การเลิกร้าง ทอดทิ้ง ความวิบัติ ล้มเหลว ต่างๆ
4. เรื่องที่อยู่ไกลตัวเรามากๆ
5. สถานที่ที่ไกลมาก เช่น ต่างประเทศ

ตัวอย่าง การอ่านภพวินาศะ

ยกตัวอย่าง สำหรับ ดวงที่มีดาวอังคารสถิตภพวินาศะ เราจะอ่านความหมายได้ว่า
1. ความเป็นอังคารของเจ้าชะตาเกิดความเสียหายไป นั่นคือ
a. ขาดความกล้าหาญ
b. ไม่ขยันขันแข็ง
c. ไม่กล้าแสดงออก
2. เจ้าชะตาจะเสียหายเพราะความกล้า
3. เจ้าชะตาไม่ถูกกันกับเรื่องเสี่ยงๆ เสี่ยงทีไรก็จะเกิดความพินาศเสียหาย

ในภพวินาศะนี้ จะทายเสียไปทั้งหมดก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะถือว่าดีในแดนไกล จึงทำนายว่า อังคารตกวินาศจะดีเมื่อไปแดนไกล นั่นคือถ้าเจ้าชะตาได้ไปต่างประเทศ จึงจะมีความขยัน และ กล้าหาญ

ครบทั้ง 12 เรือนชะตาและความหมายกันแล้วนะคะ ท่านที่สนใจเรื่องโหราศาสตร์อาจจะได้นำความหมายของเรือนชะตาไปใช้ประโยชน์เป็นแนวทางในการอ่านดวงค่ะ
ทีมงานตาณฑวะจะหาเรื่องราวที่น่าสนใจมานำเสนอกันในตอนต่อไปนะคะ แล้วพบกันใหม่ สวัสดีค่ะ

ด้วยสำนึกในพระคุณครู

กราบแทบบาทครูบาอาจารย์เจ้า ผู้คอยเฝ้าสอนสั่งศิษย์ทั้งหลายฯ

ทีมงานตาณฑวะ