ดาวราหู

ความสำคัญของดวงดาวกับโหราศาสตร์

สวัสดีค่ะ พบกับทีมงานตาณฑวะ ในรายการ “คุยเรื่องดาว เล่าเรื่องดวง” วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับดาวราหูกันค่ะ ความรู้เรื่องดวงดาวจะทำให้นักพยากรณ์มีความเข้าใจในธรรมชาติของดาว เรื่องราวและนิยายปรัมปราต่างๆ สะท้อนออกมาเป็น นิสัย, บุคลิก, ลักษณะ, ความคิด, ความต้องการ, ตลอดจนอารมณ์ และความรู้สึกของดวงดาว สำหรับหมอดูหรือนักพยากรณ์ที่ต้องทำนายโดยการใช้ดวงดาวตามวิชาโหราศาสตร์ มีความจำเป็นที่จะต้องรู้และเข้าใจดวงดาวให้ดี เพราะจะช่วยให้การพยากรณ์มีความถูกต้องแม่นยำมากขึ้น

“ดาวราหู” เป็นหนึ่งในดาวนพเคราะห์ที่มีความสำคัญ เพราะส่งผลต่อชีวิตของผู้คนอย่างมาก เป็น “ดาวบาปเคราะห์” ที่ส่งผลให้เกิดความหน้ามืดตามัว ลุ่มหลง โงหัวไม่ขึ้น ตำราโหราศาสตร์เขียนไว้ว่า  “มัวเมาทายราหู” ถ้าดวงชะตาใดมีดาวราหูเด่นในดวงกำเนิด เจ้าชะตาจะเป็นคนหลงตัวเอง (พูดให้ฟังดูดีคือ เป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง) มีอำนาจวาสนา เฉลียวฉลาด เก่งเรื่องเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิง รู้ทันคน ไม่แพ้ใครง่ายๆ มือหนัก ถ้ารักชอบแล้วไม่ว่าเป็นคนหรือสิ่งของก็จะทุ่มเท ยอมเปย์ไม่อั้น

และสำหรับดาวราหูจร เมื่อดาวราหูโคจรเข้าสู่ดวงชะตามักก่อให้เกิดความวุ่นวาย ความเปลี่ยนแปลงชนิดโกลาหล ถ้าเปลี่ยนดีก็ดีสุดๆ ถ้าเปลี่ยนร้ายก็ร้ายเหลือทน ราหูมักนำเรื่องใหญ่โตเข้ามาสู่ชะตา เช่น ถูกหวยรางวัลใหญ่ ได้เงินก้อนโต ตกงาน ย้ายบ้าน โดนฟ้องร้องคดีความ เราจึงควรศึกษาเรื่องราวของราหูไว้ให้ดี

Let's join our channel
ราหูในทางวิทยาศาสตร์
  • ในทางดาราศาสตร์มักจะอธิบายถึงราหูและเกตุไปด้วยกัน กล่าวคือ “ราหูและเกตุ” ไม่ใช่ดวงดาวที่มีอยู่จริงเหมือนกับดาวนพเคราะห์อื่นๆ แต่ราหูคือถึงจุดตัดกัน (node) ของ “เส้นทาง” หรือ “วงโคจร” ของโลกและดวงจันทร์ที่เคลื่อนที่ไปบนท้องฟ้า เมื่อจุดตัดกันอยู่ทางเหนือ (north lunar node) จะเรียกว่าราหู แต่ถ้าจุดตัดกันอยู่ทางด้านใต้ (south lunar node) จะเรียกว่าเกตุ
  • คำว่า “node” คือ “จุดตัด” ของ “วงโคจรโลกรอบดวงอาทิตย์” ตัดกับ “วงโคจรดวงจันทร์โคจรรอบโลก”
  • คำว่า “north node หรือ จุดตัดกันอยู่ทางเหนือ” คือช่วงที่เป็นจุดตัดที่มีทิศทางการโคจรของดวงจันทร์จากที่อยู่ทิศเหนือของเส้นวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์กำลังเดินลงไปทางทิศใต้ของเส้นวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์
  • ส่วนการ “คราส” (สุริยะคราสหรือสุริยุปราคา และ จันทรคราสหรือจันทรุปราคา) จะเกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์อยู่ที่ node จุดใดจุดหนึ่ง นี่คือการอธิบายเรื่องราหูอมพระอาทิตย์และดวงจันทร์ให้เข้าใจได้โดยง่าย จุดตัดนี้ถูกใช้แทนพระราหู ราหูจึงถูกนับเป็นสาเหตุของการเกิดคราสเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
พระราหูในทางคติกรีก
  • พระราหูตามเทพปกรนัมกรีก เปรียบได้กับ ไทฟอน (อ้างอิงตามเวบไซต์ https://www.worldhistory.org/Typhon/) กล่าวว่า Typhon (หรือ Typheus) เป็นสัตว์ประหลาดที่ใหญ่ที่สุดและน่ากลัวที่สุดในเทพนิยายกรีก มีรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าดุร้าย มีปีก มีมือที่เป็นหัวงูจำนวนนับไม่ถ้วน ลำตัวส่วนมีลักษณะเป็นงูขด ดวงตาลุกเป็นไฟ และปากของเขามีก้อนหินที่ลุกเป็นไฟตกลงมา
  • ขอเท้าความถึงมารดาของไทฟอนคือเทพีไกอา เดิมทีเทพีไกอา (โลก) เป็นชายาของอูรานอส (ท้องฟ้า) แต่อูรานอสได้กักขังลูกๆ อันทรงพลังของเธอไว้ที่ขุมนรกทาร์ทารัส เพื่อเป็นการแก้แค้นต่ออูรานอส ไกอาจึงมีสัมพันธ์กับทาร์ทารัส (Tartarus – เจ้าแห่งขุมนรกใต้พิภพ) และให้กำเนิดไทฟอนผู้โหดร้ายและน่าสะพรึงกลัว แต่บางตำนานกล่าวว่าไทฟอนเป็นบุตรชายของเฮรา (Hera – ชายาของ Zeus)
  • ไทฟอนมีภรรยาชื่ออีคิดนา (Echidna) เป็นครึ่งหญิงครึ่งงูและให้กำเนิดบุตรที่ดุร้ายมากมาย เช่น เซอร์เบรัส สุนัขล่าเนื้อสามหัวแห่งนรก, เลอร์เนียน ไฮดราหลายหัว, ไคเมร่า และ พายุไต้ฝุ่น
  • ตำนานที่มีชื่อเสียงที่สุดที่เกี่ยวข้องกับไทฟอนคือการต่อสู้กับซูส เทพเจ้าผู้ปกครองเขาโอลิมปัส เพื่อก่อกบฎและแย่งชิงอำนาจ เป็นการต่อสู้ที่รุนแรงและโหดร้าย เหล่าเทพในเขาโอลิมปัสต้องพากันแปลงร่างเป็นสัตว์ต่างๆ เพื่อหลบหนีจากไทฟอน และผลการต่อสู้คือ ธรรมะชนะอธรรม ซูสเป็นผู้มีชัยและกักขังไทฟอนไว้ใต้ภูเขาไฟเอตนาจนถึงทุกวันนี้ เชื่อกันว่าทุกครั้งที่ภูเขาไฟเอตนาปะทุนั้นมีสาเหตุมาจากไฟในดวงตาของไทฟอน หรือหินที่ลุกเป็นไฟที่ไหลออกมาจากปากของเขา
ความเชื่อในทางคติฮินดู
  • ราหู (สันสกฤต: राहु, สัญลักษณ์ ☊) เป็นหนึ่งของเทวดานพเคราะห์ที่สำคัญของโหราศาสตร์ฮินดู เป็นราชาแห่งอุกกาบาต (หรือดาวตก) ราหูไม่ได้เป็นดวงดาวที่ปรากฏอยู่จริงในระบบสุริยะ แต่เป็นจุดตัดกันของวงโคจรของพระจันทร์และโลก จุดตัดหรือ node นี้จะเคลื่อนไปรอบๆ ดวงอาทิตย์ 1 รอบ ใช้เวลาประมาณ 18 ปี เมื่อจุดตัดกันอยู่ทางเหนือจะเรียกว่า “ราหู” แต่ถ้าจุดตัดกันอยู่ทางด้านใต้จะเรียกว่า “เกตุ”  (เทวนาครี: केतु, สัญลักษณ์ ☋) ราหูกับเกตุมักถูกจับคู่กันอยู่เสมอ เพราะดาวเกตุก็เป็น “ดาวเคราะห์เงา” อีกดวงหนึ่งที่ทำให้เกิดสุริยุปราคา และ จันทรุปราคา (ในส่วนนี้ คติฮินดูมีความเห็นตรงกับทางดาราศาสตร์)
  • แม้ว่าราหูจะไม่มีการดำรงอยู่ทางกายภาพ แต่ราหูก็ถูกจัดให้มีฐานะเป็นดาวเคราะห์โดยนักพยากรณ์มาช้านาน เนื่องจากราหูมีอิทธิพลอย่างมากในด้านโหราศาสตร์ ตามโหราศาสตร์ฮินดูพระราหูและเกตุมีรอบวงโคจรประมาณ 18 ปี และอยู่ห่างจากกัน 180 องศาเสมอ (อยู่ตรงข้ามกัน) ราหูปกครองราศีกุมภ์ร่วมกับศนิหรือดาวเสาร์ (ตามตำราดาวเคราะห์เกษตรแบบดั้งเดิม)
  • มีการกล่าวถึงพระราหูในคัมภีร์ปุราณะ เมื่อครั้งยุคแรกสุดที่มีการสร้างโลก เทวดาและอสูรได้ร่วมกันกวนเกษียรสมุทรเพื่อสกัดน้ำอมฤต (ซึ่งเป็นน้ำที่ดื่มแล้วเป็นอมตะ) นางโมฮินี ซึ่งเป็นอวตารของพระวิษณุเป็นผู้แจกจ่ายน้ำอมฤตให้เหล่าเทวดา แต่กลับมีสวรรภาณุ อสูรตนหนึ่งแฝงกายนั่งอยู่ในแถวของเหล่าเทวดาและดื่มน้ำอมฤตด้วย พระสูรยะ (พระอาทิตย์) และพระจันทราสังเกตเห็นเข้า จึงนำความไปแจ้งให้นางโมฮินีทราบ พระวิษณุในร่างอวตารเป็นนางโมฮินีจึงได้ใช้จักรสุทรรศน์ ตัดศีรษะของสวรรภาณุ แต่การดื่มน้ำอมฤติเข้าไปแล้วสวรรภาณุจึงไม่ตาย ศีรษะของสวรรภาณุถูกแยกออกจากร่าง กลายเป็น 2 ส่วน ส่วนหัวเรียกว่า “ราหู” และ ร่างที่ไม่มีหัวเรียกว่า “เกตุ” ต่อมาภายหลังพระราหูและพระเกตุได้รับสถานะเป็นดาวเคราะห์ พระราหูจึงกลายเป็นศัตรูตัวยงของเทพสูรยะและจันทรา ที่เป็นเหตุให้ถูกตัดหัว ด้วยเหตุนี้พระราหูจึงไล่ตามพระอาทิตย์และพระจันทร์ ราหูพยายามที่จะกลืนกินเทพทั้งสอง แต่เนื่องจากราหูมีเพียงศีรษะไม่มีร่างกาย พระอาทิตย์และพระจันทร์จึงออกจากลำคอของราหูมาได้ทุกครั้ง วงจรที่เกิดซ้ำนี้ทำให้เกิดคราสของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ซึ่งเป็นการแก้แค้นของราหูนั่นเอง
  • บางตำนานก็กล่าวว่า เมื่อสวรรภาณุถูกจักรสุทรรศน์ของพระนารายณ์ตัดขาดเป็น 2 ท่อน พระศุกร์ผู้เป็นคุรุแห่งอสูรได้นำนาคมาตนหนึ่งแบ่งนาคออกเป็น 2 ท่อน แล้วต่อศีรษะพระราหูกับตัวของนาคได้เป็นองค์พระราหู อีกทางหนึ่งก็ต่อเศียรของนาคเข้ากับร่างที่เหลือของพระราหูได้เป็นองค์พระเกตุ
  • ในคติฮินดู ราหูเป็นเทพอสูรมีกายสีนิล (ดำ) ร่างกายใหญ่โต มีเศียรใหญ่ มี ๔ กร ทรงคทา ตรีศูล คทา ดาบ โล่ ฯลฯ สวมมงกุฎทองคำ สวมอาภรณ์สีน้ำเงิน ทรงเครื่องประดับด้วยทองคำ ทองสัมฤทธิ์และแก้วนิลรัตน์ ทรงเสือหรือราชสีห์เป็นพาหนะ บ้างก็วาดพระราหูให้มีแต่หัว สถิตบนดอกบัวบนราชรถเทียมด้วยเสือ บ้างก็วาดพระราหูมีหัวแล้วมีหางเป็นนาค
พระราหูในทางคติไทย
  • พระศิวะสร้างพระราหูขึ้นมาจากการที่ทรงนำหัวผีโขมด ๑๒ หัว บดป่นเป็นผง ห่อผ้าสีทอง (บางตำราก็ว่า ห่อผ้าสีทองสัมฤทธิ์) แล้วประพรมด้วยน้ำอมฤต เสกได้เป็นพระราหู มีสีวรกายสีนิลออกไปทางทองสัมฤทธิ์ มีวิมานสีนิลอยู่ในอากาศ ประจำอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (ทิศพายัพ) และแสดงถึงอักษรวรรค ย (ย ร ล ว) เรียกว่า คชนาม
  • ตามนิทานพื้นบ้าน ในอดีตชาติ พระราหูได้เกิดมาเป็นน้องร่วมท้องเดียวกันกับเทวดานพเคราะห์อีกสององค์ คือ พระอาทิตย์และพระจันทร์ โดยพระราหูเกิดเป็นน้องสุดท้อง ครั้งหนึ่ง พระราหูได้ร่วมทำบุญถวายพระที่มารับบิณฑบาตร่วมกับพี่ทั้งสองคน พระอาทิตย์ตักบาตรในครั้งนั้นด้วยภาชนะทอง พระจันทร์ตักบาตรด้วยภาชนะเงิน ส่วนพระราหูตักบาตรด้วยภาชนะที่ทำมาจากกะลามะพร้าว เมื่อทั้ง ๓ พี่น้องได้มาเกิดเป็นเทวดานพเคราะห์ พระอาทิตย์จึงมีรัศมีและวรรณะเปล่งปลั่งดุจทองคำ พระจันทร์มีรัศมีและวรรณะเป็นสีขาวสว่างดุจเงิน และพระราหูมีรัศมีและวรรณะเป็นสีนิลออกไปทางทองสัมฤทธิ์
  • ในคติไทย ราหูเป็นเทพอสูรมีกายสีนิลออกไปทางทองสัมฤทธิ์ มีกายครึ่งท่อน บ้างก็เต็มองค์ บ้างก็เป็นครึ่งอสูรครึ่งนาค ปากขบ ตาโพลง มี ๒ กร ทรงกระบองเป็นอาวุธ สวมมงกุฎน้ำเต้า สวมอาภรณ์สีทองและสีม่วง ทรงเครื่องประดับด้วยทองคำ ทองสัมฤทธิ์ และแก้วนิลรัตน์ ทรงครุฑเป็นพาหนะ มีชื่อที่นิยมเรียกว่า “อสุรินทราหู”
  • ร่างกายของอสุรินทราหูใหญ่โตมากกว่าเทวดาทั้งหลายในสวรรค์ โดยมีกายสูงถึง ๔,๘๐๐ โยชน์ เมื่ออสุรินทราหูยืนในมหาสมุทร นํ้าในมหาสมุทรท่วมเพียงแค่หัวเข่าเท่านั้น เมื่ออสุรินทราหูขึ้นไปยังเขายุคนธรก็สามารถบดบังดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ โดยการอมไว้บ้าง ซ่อนไว้ใต้คางบ้าง เอามือบังบ้าง เหน็บไว้ใต้รักแร้บ้าง เชื่อกันว่า หากพระอสุรินทราหูใช้มือตักน้ำจากมหาสมุทร แล้วโยนขึ้นสู่ท้องฟ้า จะก่อให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง พระราหู ยังมีนามอื่นๆ อีก เช่น พระสวรรภานุ, พระอรรธกาย, พระอรรธศีรษะ, พระนีลโลหิต, พระมหาวีรยะ, พระสุรศัตรู, พระตมัส, พระเมฆวรรณ, พระศูระ, พระอัษฏมเคราะห์ เป็นต้น
ดาวราหูในทางโหราศาสตร์

ดาวราหูเป็นเทวดานพเคราะห์ประเภทบาปเคราะห์ และเป็นบาปเคราะห์ที่ให้ผลในทางลุ่มหลงมัวเมา ความวุ่นวายโกลาหล ความเปลี่ยนแปลง ความไม่เหมือน นั่นคือ ผู้ใดที่เกิดวันพุธกลางคืน หรือมีพระราหูสถิตร่วมลัคนา มักเป็นคนที่มีชีวิตไม่เหมือนพื้นกำเนิดเดิม หน้าตาก็ไม่เหมือนเผ่าพงศ์พี่น้อง ทำสิ่งใดต้องไม่เหมือนคนอื่น เป็นคนขวางโลก ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ชอบเรื่องมัวเมา เช่น สุรา ยาเมา อบายมุขต่างๆ

  • ตามนิทานชาติเวร กล่าวว่า พระราหูเป็นมิตรกับพระเสาร์และเป็นศัตรูกับพระพุธ เรื่องมีอยู่ว่า ในอดีตชาติที่พระเสาร์เกิดเป็นพ่อค้า พระราหูเกิดเป็นคฤหบดี พระจันทร์เกิดเป็นคนจนผู้ยากไร้ และ พระพุธเกิดเป็นสุนัขในบ้านคฤหบดี ในตอนนั้นคนจน (พระจันทร์) ได้ไปยืมเงินของคฤหบดี (พระราหู) แต่ไม่มีเงินใช้หนี้จึงต้องหนีไป วันหนึ่งพ่อค้า (พระเสาร์) ผู้เป็นเพื่อนของคฤหบดี (พระราหู) ได้มาพบคนจน (พระจันทร์) เข้า จึงนำเรื่องไปแจ้งกับคฤหบดี (พระราหู) สุนัข (พระพุธ) ที่เฝ้าบ้านได้ฟังแล้วเกิดสงสารคนจน (พระจันทร์) จึงเข้าขบกัดคฤหบดี (พระราหู) จนไม่สามารถไปตามจับคนจนได้ ตั้งแต่นั้น พระเสาร์จึงเป็นมิตรกับพระราหู ส่วนพระราหูเป็นศัตรูกับพระพุธ และพระพุธเป็นมิตรกับพระจันทร์
  • ในโหราศาสตร์ไทย พระราหูถูกแทนด้วยสัญลักษณ์ ๘ (เลขแปดไทย) และด้วยเหตุที่สร้างขึ้นมาจากหัวผีโขมด ๑๒ หัว จึงมีกำลังพระเคราะห์เป็น ๑๒ เป็นเทวดาของผู้ที่เกิดวันพุธในเวลากลางคืน ส่วนพระประจำวันเกิด (พุธกลางคืน) ได้แก่ ปางป่าเลไลยก์ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถประทับ (นั่ง) บนก้อนศิลา พระบาททั้งสองวางบนดอกบัว พระหัตถ์ซ้ายวางคว่ำบนพระชานุ (เข่า) พระหัตถ์ขวาวางหงาย นิยมสร้างช้างหมอบใช้งวงจับกระบอกน้ำ อีกด้านหนึ่งมีลิงถือรวงผึ้งถวาย
การพยากรณ์สำหรับคนที่มีดาวราหูส่งผลถึงลัคนา

ตามที่ได้ทำความรู้จักกับดาวราหูกันแล้วว่าเป็น node หรือจุดตัดของวงโคจรของโลกและพระจันทร์ แต่มีฐานะเป็นดาวบาปเคราะห์ที่ให้โทษในทางมัวเมา เป็นดาวสายดาร์ก มีความยิ่งใหญ่ สามารถพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้ ขวางโลก ทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน ในตอนนี้เราก็จะมาดูการพยากรณ์บุคคลที่ดาวราหูส่งผลถึง ว่าจะได้รับผลจากดาวราหูอย่างไรบ้าง

  • ในทางกายภาพ บุคคลที่มีดาวราหูส่งผลถึงจะมีร่างกายไม่สมส่วน บนล่างดูไม่สมดุลกัน ช่วงบนใหญ่กว่าช่วงล่าง หรือ ช่วงล่างใหญ่กว่าช่วงบน ถ้าเราดูใบหน้าจะมีหน้าตาไม่เหมือนคนในวงศาคนาญาติ เหมือนลูกครึ่งหรือต่างชาติ สังเกตส่วนหลังศีรษะมักจะแบน หัวหลิม
  • ดาวราหูที่ส่งผลถึงลัคนาหมายถึงสุขภาพหรือโรคประจำตัว คือ มักจะมีปัญหาเรื่องอวัยวะสืบพันธุ์ หรือ โรคในช่องท้อง เช่น มดลูก อัณฑะ หรือ โรคเกี่ยวกับตับ อายุขัยของบุคคลที่เป็นดาวราหูประมาณ 70 ปี หากมีดาวคู่มิตรคู่ธาตุคู่สมพลส่งเสริมก็จะยืนยาวมากขึ้น และในทางกลับกัน หากมีดาวคู่ศัตรูก็จะเป็นตัวตัดทอนให้สั้นลง
  • ในทางบุคลิกภาพ บุคคลที่มีดาวราหูส่งผลถึงจะมีบุคลิกแปลกๆ ทำตัวไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ติดโวยวาย รีบร้อน พูดจาไม่เพราะ บางรายราหูแรงๆ จะติดชอบสบถ เป็นคนมีไหวพริบปฏิภาณดี ทันเล่ห์เหลี่ยมคนเสมอ พูดอย่างทำอีกอย่าง จุดเด่นอีกอย่างก็คือ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ แต่ถ้าไปยุให้ทำก็กลับไม่ทำ ขวางโลกเป็นที่หนึ่ง เป็นคนกินง่าย กินเร็ว กินอะไรซ้ำเดิมเป็นปีๆ ได้ กินไปจนกว่าจะเบื่อจึงเลิกกิน เป็นคนโกรธง่าย หายเร็ว อารมณ์อ่อนไหวง่าย
  • ในทางอุปนิสัย บุคคลที่มีดาวราหูส่งผลถึงเป็นคนชอบความท้าทาย ยิ่งมีปัญหายิ่ง active มีชีวิตชีวา ราหูจะมีความคิดอยากช่วยคน อยากให้คนทั้งหลายมีความสุข แต่ส่วนตัวนั้นอยากอยู่เป็นที่เป็นทาง เพราะดาวราหูมักอยู่ไม่เป็นที่ ต้องโยกย้ายบ่อย ดาวราหูชอบอยู่กับคนหมู่มาก ติดต่อสื่อสารกับคนหมู่มากได้ดี จึงเป็นล๊อบบี้ยิสต์ที่เก่ง ดาวราหูมีชั้นเชิงเล่ห์เหลี่ยมมาก หลอกเก่ง ถ้าเป็นนักแสดงก็มักจะเป็นนักแสดงที่เก่งหรือตีบทแตก นิสัยอีกอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อราหูมีความสุขมักมีหน้าเศร้าซึม แต่ในเวลาเศร้ามักแสดงออกว่าตนสดชื่นมีความสุข
  • บุคคลที่มีดาวราหูส่งผลถึงจะเป็นคนรักลูกน้อง บริวาร เลี้ยงลูกน้องดีเหมือนเลี้ยงลูก ราหูเหมือนกับเสาร์ข้อนึงคือมีเพื่อนมาก รู้ใจเพื่อน แต่เอาเข้าจริงๆ หาเพื่อนที่รู้ใจเราไม่ค่อยได้ ราหูในบทร้ายหาใครปราบยากเพราะเป็นคนไร้รูปแบบ สู้ใครไม่เคยแพ้ เปลี่ยนยุทธวิธีไปเรื่อยๆ ตามสถานการณ์ แต่ในบทดีก็สามารถทำเพื่อคนส่วนใหญ่ ทำเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินได้ ยกตัวอย่างกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญในประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่จะเป็นดาวราหู
  • ในทางการงานอาชีพ คนที่มีดาวราหูส่งผลถึงจะเหมาะกับการโจรกรรม การฉวยโอกาส เป็นนักการเมือง นักแสดง ล๊อบบี้ยิสต์ งานที่ผันผวนไม่มีตัวตน เพราะเป็นธาตุลมพายุ ราหูเป็นศัตรูกับงานประจำ ที่ต้องทำตามเวลาตามหน้าที่ และงานที่มีระเบียบกฎเกณฑ์ราหูก็จะทำไม่ได้ อีกทั้งใจร้อนไม่เหมาะกับงานที่ต้องอดทนทำเป็นเวลานานๆ ส่วนเรื่องบ้านช่องที่อยู่อาศัย มักจะเป็นบ้านใหญ่โตกว่าบ้านคนในละแวกเดียวกัน หรือบ้านทรงแปลกๆ ไม่เหมือนใครแถวนั้น หรือมีบ้านที่ต่อเติมขยายออกไปเรื่อยๆ
ดาวราหูกับตำแหน่งทำเนียบต่างๆ

มาตรฐานดาว หรือตำแหน่ง ทำเนียบของดาว เป็นเรื่องที่นักพยากรณ์มีความรู้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ในตอนนี้เราก็จะมาดูเฉพาะเรื่องดาวราหูกันค่ะ

  • เกษตร ดาวราหูในราศีกุมภ์ได้ทำเนียบเกษตร จะส่งผลให้บุคคลนั้นฉลาด มีวาสนา ปฏิภาณไหวพริบดี ไม่เคยเสียเหลี่ยมให้ใคร หน้าตาเหมือนลูกครึ่ง ร่างกายไม่ค่อยสมดุล หัวแบนหลิม เจ้าอารมณ์ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ โมโหร้ายหายเร็ว ขวางโลก พูดไม่เพราะ หาคนเอาชนะยาก ถ้าต้องการทำเรื่องใหญ่โตทำเพื่อคนส่วนใหญ่ งานเพื่อแผ่นดินก็ยังทำไหว ศักยภาพเกินจินตนาการ เกิดมามีฐานะเป็นอย่างไร บั้นปลายมักจะเป็นตรงข้ามกัน
  • อุจ (มหาอุจ) ดาวราหูในราศีพิจิกได้ทำเนียบอุจ หรือ มหาอุจ จะส่งผลให้บุคคลนั้นมีเล่ห์เหลี่ยมที่แสดงออกให้เห็นว่าเป็นคนร้ายกาจ ชีวิตมีวาสนาสูงส่งขึ้นจากการใช้ปฏิภาณไหวพริบแก้ไขปัญหาสถานการณ์ได้ ชอบที่จะทำตัวไม่เหมือนใครแหวกแนวไปแบบสุดๆ
  • ราชาโชค ดาวราหูในราศีตุลย์ได้ทำเนียบราชาโชค จะส่งผลให้บุคคลนั้นมีวาสนา ได้รับความนิยมชมชอบจากหมู่คนสีเทาๆ เช่น โจร นักเลง มีบริวารมากมาย ด้วยความสามารถ แก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง จึงมีผู้ใหญ่คอยอุปถัมภ์ค้ำชู ชีวิตไม่ตกต่ำ
  • มหาจักร ดาวราหูในราศีมังกรได้ทำเนียบมหาจักร จะส่งผลดีเรื่องอำนาจวาสนา มีพรรคพวกมากและเกรงกลัวต่อบารมีของเจ้าชะตา เป็นหัวหน้าโจรที่ฝ่าฟันมาด้วยเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิง มีทรัพย์และอิทธิพลมาก มักได้ชัยชนะเสมอ
  • ประกิณโชค ดาวราหูในราศีธาตุลม คือ มิถุน ตุลย์ กุมภ์ ได้ทำเนียบประกิณโชค จะส่งผลดีในเรื่องลาภลอย มีลาภแปลกๆ ที่มักจะได้มาฟรีๆ โดยไม่คิดฝันมาก่อนว่าจะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ โอกาส หรือ คอนเนคชั่นต่างๆ
  • ประ และ นิจ ดาวราหูในราศีสิงห์ได้ทำเนียบประ และดาวราหูในราศีพฤษภได้ทำเนียบนิจ ตามตำรานั้นประแปลว่าเสื่อม ส่วนนิจแปลว่าน้อย ด้อยค่า บางตำราแปลว่าเลว ดวงชะตาที่มีราหูเป็นประเป็นนิจ จะอ่อนเรื่องไหวพริบ คิดช้าไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคนอื่น ความมัวเมามักพาเจ้าชะตาไปในทางเสื่อมและพาให้ชีวิตตกต่ำลง บางรายจะได้รับโทษทัณฑ์ ต้องคดี มีเรื่องถูกกักขังจองจำ อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ต้องโยกย้ายอยู่เสมอ
ดาวราหูกับภพต่างๆ ในดวงชะตา

เมื่อเรากล่าวถึงอานุภาพของดาวราหูไปแล้ว เราก็ต้องดูด้วยว่าดาวราหูส่งผลกับบุคลในเรื่องใดบ้าง ซึ่งดูได้จาก “ภพ” ที่ดาวราหูไปสถิตในดวงราศีจักร ถ้าดาวตกในภพที่ส่งผลถึงเช่น กุม เล็ง โยค กับลัคนา (บางตำราเรียกว่า เป็น ๑ ๓ ๕ ๗ ๙ ๑๑ กับลัคนา) ดาวก็จะมีอิทธิพลกับเจ้าชะตามาก แต่ถ้าดาวไปตกในช่องเบียน คือ อริ มรณะ วินาศะ ดาวก็จะไม่ค่อยส่งผล แต่ถ้าไปตกในช่องส่ง ดาวก็จะส่งผลเป็นกลางๆ  ในตอนนี้เราจะมาดูว่าเมื่อดาวราหูสถิตในภพต่างๆ ของราศีจักรจะส่งผลถึงบุคคลอย่างไรบ้าง

  • ภพตนุ (เป็น ๑ กับลัคนา) จะเป็นคนมีร่างกายบนล่างไม่สมดุลย์ เป็นคนมีไหวพริบปฏิภาณเลิศ เจ้าอารมณ์ ดุดัน ชอบทำเพื่อคนอื่น มีนิสัยรักลูกน้อง ขี้โมโห ใครห้ามไม่ฟัง แต่ถ้ายุให้ทำก็กลับเฉย
  • ภพกดุมภะ (เป็น ๒ กับลัคนา) การเงินมีความเปลี่ยนแปลง เมื่อยามมีก็มีมากมาย เมื่อยามไม่มีก็ไม่มีเหลือเลย
  • ภพสหัสชะ (เป็น ๓ กับลัคนา) จะเป็นคนติดเพื่อน ตามเพื่อน รักหลงเพื่อน เชื่อเพื่อน ชอบทำตามเพื่อนภพพันธุ (เป็น ๔ กับลัคนา) บ้านช่องที่อยู่อาศัยผิดแผกแตกต่างกับบ้านคนอื่นในละแวกเดียวกัน มีบ้านใหญ่โต ย้ายบ้านบ่อยๆ
  • ภพปุตตะ (เป็น ๕ กับลัคนา) ลูกน้องมีความเปลี่ยนแปลง เมื่อยามมีก็มีมากมาย เมื่อยามไม่มีก็ไม่มีเหลือเลย
  • ภพอริ (เป็น ๖ กับลัคนา) เป็นคนไม่วุ่นวาย ไม่ลุ่มหลง มีสติ ใช้เหตุผล เชื่อคนยาก อ่อนเรื่องไหวพริบปฏิภาณ แก้ปัญหาไม่เก่ง
  • ภพปัตนิ (เป็น ๗ กับลัคนา) รักหลงคู่ครอง มักจะคอยติดตามเป็นเงาตามตัว เชื่อคู่ครองชนิดหูหนวกตาบอด โงหัวไม่ขึ้น
  • ภพมรณะ (เป็น ๘ กับลัคนา) มักมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบขับถ่าย ระบบสืบพันธุ์ เป็นคนที่ไม่วุ่นวาย ไม่เชื่อใครง่ายๆ
  • ภพศุภะ (เป็น ๙ กับลัคนา) จะเป็นคนคิดมาก วิตกกังวล ตื่นเต้นง่าย วุ่นวายอยู่แต่ในความคิด
  • ภพกัมมะ (เป็น ๑๐ กับลัคนา) จะทำงานด้วยความวุ่นวายปั่นป่วน ทำงานไม่เหมือนคนทั่วไป ทำงานเบื้องหลัง เป็นนักแสดง
  • ภพลาภะ (เป็น ๑๑ กับลัคนา) จะมีลาภในการเสี่ยงโชค มีลาภลอย ได้ลาภก้อนใหญ่
  • ภพวินาศะ (เป็น ๑๒ กับลัคนา) จะเป็นคนไม่วุ่นวาย มีระเบียบแบบแผน ไม่หลงเชื่อ หรือมัวเมาในเรื่องใดง่ายๆ
ความรู้เรื่องดาวราหู ดาวคู่มิตร คู่ธาตุ คู่สมพล คู่ศัตรู

ในตอนนี้เราก็จะกล่าวถึงดาวราหูเมื่อกระทบหรือส่งกระแสสัมพันธ์ถึงดาวอื่นๆ ว่าจะส่งผลดีร้ายอย่างไร ดาวที่กระทบกัน ถ้าถูกชะตากันก็จะส่งผลดี ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน หรือ ส่งผลให้เกิดผลประโยชน์ดีๆ ขึ้นมา และในทางกลับกัน เมื่อไปเจอคู่ศัตรูก็จะส่งผลในทางลบนั่นเอง

  • คู่แรกที่จะกล่าวถึงคือดาวคู่มิตร “ราหูกับเสาร์เป็นมิตรแก่กัน” ดาวคู่มิตร เสาร์-ราหู ส่งผลดีเป็นความยิ่งใหญ่อลังการ เพราะเสาร์นั้นรอบคอบใจถึง ส่วนราหูล๊อบบี้คนเก่ง ใครๆ ก็หลงเชื่อ แถมยังมีไหวพริบปฏิภาณดี แก้ไขปัญหาได้สารพัด จึงรวมกันเป็นคู่ยิ่งใหญ่ ทำการใหญ่ให้สำเร็จได้
  • คู่ที่สองคือดาวคู่ธาตุ อังคารเป็นดาวธาตุลมจึงเป็นคู่ธาตุลมกับดาวราหู ต่างกันที่ดาวอังคารเป็นลมกรดภายในร่างกาย ดาวราหูเป็นลมพายุที่อยู่ภายนอก ดาวคู่ธาตุลม อังคาร-ราหู ส่งผลเป็นความคล่องตัว ว่องไว ฉลาดและมีไหวพริบ มีทรัพย์เพิ่มพูนด้วยมีฝีมือและขยันขันแข็ง เจ้าชะตามีความอำนาจสูง เจ้าอารมณ์ ดุดัน โมโหง่าย และเป็นคนที่มีความต้องการ (ทางเพศ) สูง
  • คู่ที่สามคือคู่สมพล (กำลังดาวรวมกันได้ 27) จันทร์เป็นคู่สมพลกับดาวราหู ส่งผลดีเป็นเรื่องผลประโยชน์ที่ไม่เปิดเผย เรื่องความลับ หากมีผลประโยชน์ร่วมกันแล้วก็ไปด้วยกันได้ เจ้าชะตามักมีเสน่ห์ร้อนแรง ออกจะเจ้าชู้ และมักจะหักห้ามใจไม่ค่อยได้ ทำในเรื่องลักลอบซ่อนเร้น
  • คู่ที่สี่คือดาวคู่ศัตรู “พุธอันธพาลวิวาทราหู” ดาวคู่ศัตรู พุธ-ราหู ส่งผลเสียคือ ทำให้การพูดจาแข็งกระด้าง ปากจัด ด่าเก่ง พูดขวานผ่าซาก มักเปิดศึกวิวาทะโต้เถียงกันด้วยคำพูด นอกจากนี้ยังมีอารมณ์หงุดหงิด เจ้าอารมณ์ โมโหเก่ง ไม่เชื่อหรือศรัทธาในสิ่งใดง่าย ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองเสียก่อน เหมาะกับการเป็นนักข่าวหรือนักสืบที่ต้องพิสูจน์ความจริงอยู่เสมอ
    • นอกจากคู่ศัตรูที่เป็นดาวพุธแล้ว ราหูก็ยังมีคู่ศัตรูอื่นๆ อีก เพราะราหูเป็นสายดาร์ก อารมณ์แรง มีศัตรูมาก เปรียบเหมือนคนฉุนเฉียวใครๆ ก็เข้าหน้าไม่ติด ศัตรูของราหูดวงอื่นๆ คือ ดาวอาทิตย์ และพฤหัส
    • ดาวอาทิตย์เป็นศัตรูกับดาวราหู เพราะอาทิตย์คือกลางวันราหูคือกลางคืนไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ เมื่ออาทิตย์กับราหูเจอกันมักส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โยกย้ายงาน หรือถ้าเป็นเรื่องบ้านอาจหมายถึงไฟไหม้ก็เป็นได้
    • ดาวคู่พฤหัส-ราหู เปรียบเหมือนครูกับโจรที่ไม่ถูกกัน คนที่มีดาวคู่นี้มีความสามารถสูง รู้ทั้งทางโลกและทางธรรม แต่ไม่ยอมทำมาหากิน เป็นคนที่ทำสิ่งใดก็ต้องทำให้มันสุดๆ หยุดกลางคันไม่ได้ ห้ามก็ไม่ฟัง รอบรู้เกินมนุษย์ มักส่งผลเสียเป็นเรื่องเป็นราว มีคดีความ ฟ้องร้อง ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล
ดาวที่สถิตในเรือนเกษตรของดาวราหู

นอกเหนือจากการพยากรณ์ดาวราหูสถิตในภพต่างๆ ของดวงจักรราศี ส่งผลแตกต่างกันไปตามเรื่องหรือภพนั้นๆ แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่นักพยากรณ์ควรสังเกตุ คือ การที่มีดาวในดวงกำเนิดไปสถิตในเรือนเกษตรของดาวราหู ก็ส่งผลให้ดาวราหูได้อีกทางหนึ่งด้วย ยกตัวอย่างเช่น

  • ดาวพฤหัสคู่ศัตรู อยู่ในเรือนเกษตรของดาวราหู คือมีดาวพฤหัสในราศีกุมภ์ ส่งผลให้เจ้าชะตาเป็นคนรอบรู้เหมือนนักปราชญ์ รู้ทั้งทางโลกทางธรรม แต่สับสนในความรู้ของตนเอง จึงไม่ได้ใช้ความรู้ประกอบกิจการหรือทำงานอะไร ทำสิ่งใดก็ต้องทำให้มันสุดๆ เหมือนกับคนบ้านั่นเอง
  • ดาวเกตุ หรือดาวบุญ อยู่ในเรือนเกษตรของดาวราหู คือมีดาวเกตุในราศีกุมภ์ ราหูกับเกตุเหมือนหัวกับหางมาเจอกัน ทำให้มุ่งมั่นอยู่แต่เรื่องของตนเอง เรื่องของครอบครัว ออกจะเห็นแก่ตัว ไม่สนใจคนอื่น ทำสิ่งใดก็ต้องทำให้ถึงที่สุดถ้าไม่เจ๊งหมดก็เจริญได้ เอาให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย
  • ดาวมฤตยู หรือดาวกรรม อยู่ในเรือนเกษตรของดาวราหู คือมีดาวมฤตยูในราศีกุมภ์ ดาวมฤตยูสถิตราศีใดจะคอยทำลายอานุภาพของดาวที่ร่วมราศีและส่งผลถึงดาวเจ้าเรือนเกษตรอีกด้วย ทำให้ความวุ่นวายโกลาหลของราหูลดลง ความฉลาดและไหวพริบปฏิภาณก็พลอยลดลงไปด้วย ทำให้กลายเป็นคนคิดช้า แต่ได้ดีในเรื่องมีสติมั่นคงขึ้น
ดาวราหูกับพรรคพวก

ดาวราหูเมื่ออยู่ลำพังมีฤทธิ์เดชในเรื่องอำนาจ อิทธิพล ความวุ่นวาย ความฉลาด และ การเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อดาวราหูได้พรรคพวกที่เข้ากันได้มาระดมกำลังกันเกิดเป็นกลุ่มดาวที่ส่งผลเป็นความยิ่งใหญ่มีกำลังกล้าแข็ง ในตอนนี้จะกล่าวถึงกลุ่มดาวที่รวมตัวกันเป็นเกณฑ์เป็นก๊กเหล่า ว่าจะส่งผลอย่างไรบ้าง

  • ก๊กศักดินาฝ่ายมืด ๘๕๗ หรือนรเกณฑ์ฝ่ายมืด ประกอบด้วย ดาวราหู ดาวพฤหัส และดาวเสาร์ เมื่อเราเทียบกับก๊กศักดินา ๑๕๗ จะเห็นว่าฝ่ายมืดนี้มี “ดาวราหูแทนดาวอาทิตย์” คือความมืดมัวเมา แทนแสงสว่าง เมื่อ ๘๕๗ โยคถึงกัน และส่งผลถึงลัคนา จะทำให้อุดมไปด้วยอำนาจ เป็นผู้มีอิทธิพล เป็นมาเฟีย เจ้าพ่อ ทำในเรื่องสีเทา เรื่องผิดระเบียบกฎเกณฑ์ มีทรัพย์มาก แต่ไม่มีเกียรติยศศักดิ์ศรี
  • ก๊กโจร ๓๖๗๘ ประกอบด้วย ดาวอังคาร ศุกร์ เสาร์ และดาวราหู เมื่อ ๓๖๗๘ ร่วมราศี หรือ โยคถึงกัน และส่งผลถึงลัคนา จะทำให้เจ้าชะตาชอบเรื่องเสี่ยงๆ การปล้น การโกง การฉกฉวยโอกาส เรื่องสีเทาๆ เรื่องไม่เปิดเผย เรื่องผิดทำนองคลองธรรมผิดระเบียบแบบแผน เรื่องที่ทำกันแบบลับๆ แล้วส่งผลปัง-ดังในชั่วข้ามคืน หรือกิจกรรมที่ทำไปเพื่อเน้นความสะใจเป็นผลตอบแทน
  • ก๊กวิญญาณ ๕๘๙๐ หรือชุมนุมดาวเทวดา ประกอบด้วย ดาวพฤหัส ดาวราหู ดาวเกตุ และดาวมฤตยู เมื่อ ๕๘๙๐ ร่วมราศี หรือ โยคถึงกัน และส่งผลถึงลัคนา จะทำให้เป็นคนที่มีความเชื่อศรัทธาหรืองมงายในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พลังลึกลับ สิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น มีสัมผัสพิเศษ ใครมาดีมาร้ายรู้ เป็นคนแปลกๆ ไม่ทำตามค่านิยมของสังคมสักเท่าไหร่ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง มักมุ่งหวังเรื่องหลุดพ้น นิพพาน หรืออยากมีดวงตาเห็นธรรม หากอุทิศตนเพื่อคนอื่นก็จะได้ประสบความสำเร็จ ยิ่งเสียสละก็จะยิ่งได้มา แต่ถ้ายิ่งไขว่คว้าด้วยความเห็นแก่ตัว จะกลับกลายเป็นความล้มเหลว

ด้วยสำนึกในพระคุณครู

กราบแทบบาทครูบาอาจารย์เจ้า ผู้คอยเฝ้าสอนสั่งศิษย์ทั้งหลายฯ

ทีมงานตาณฑวะ