Indian philosophy
Timeline
ปรัชญาอินเดียแสดงแนวคิดส่วนหนึ่งของโลกตะวันออก หลักในการดำรงชีวิตส่วนใหญ่ คือ ต้องการบรรลุสัจธรรมแห่งชีวิต และหลุดพ้นจากวงเวียนแห่งความทุกข์อันไม่จบสิ้นคือการเวียนว่ายตายเกิด แนวคิดนี้สืบเนื่องกันมาช้านาน และแตกออกเป็นสาขาต่างๆ ตามระยะเวลาและพัฒนาการที่ผ่านไป ปรัชญาอินเดียเป็นทั้งศาสนาและศีลธรรมที่ลึกซึ้ง มีแนวคิดที่เป็นระบบและมีเหตุผลอธิบายสนับสนุน
ปราชญ์ชาวอินเดียกล่าวว่า ปรัชญาและแนวคิดของอินเดียถือกำเนิดจากพระเวท เป็นเสมือนดั่งเมล็ดพืชของพฤกษาปรัชญาต้นใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาไปทั่วทุกทิศ ประหนึ่งเมล็ดไทรที่เล็กนิดเดียวให้กำเนิดต้นไทรใหญ่มหึมาฉันนั้น [1]
ปรัชญาอินเดียมีอิทธิพลกับแนวคิดและหลักการดำเนินชีวิตของประเทศไทย ศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติไทยก็เป็นหนึ่งในสาขาของปรัชญาอินเดีย มีหลักการและขอบข่ายเป็นเช่นเดียวกัน ประกอบด้วย ญาณวิทยา คือลักษณะ หน้าที่ ชนิด แหล่งกำเนิดความรู้ และตรรกเหตุผล อภิปรัชญา คือการพิสูจน์ความเป็นจริง และ จริยศาสตร์ คือข้อปฏิบัติเพื่อให้บรรลุความรู้แจ้ง (การหลุดพ้น ตรัสรู้)
มีเป้าหมายเดียวกัน
- การหลุดพ้นจากความทุกข์
- สภาวะสมบูรณ์
- โมกษะ นิพพาน
- ตรัสรู้ บรรลุสัจธรรมสูงสุด
- จิตวิญญาณหลุดพ้นจากอวิชชา
- การกลับคืนสู่พรหมัน
ปราชญ์อินเดียหลายสาขา ต่างมีความคิดตรงกันว่า โลกนี้เต็มไปด้วยทุกข์ (*) สัตว์โลกทั้งผองจึงต้องดิ้นรน เพื่อหาทางให้พ้นทุกข์และอยู่สุขสบายเท่าที่จะจะสามารถหาได้ในโลกนี้ ผู้มีปัญญาน้อยก็อยู่อย่างสบายน้อยเดือดร้อนมาก ผู้มีปัญญามากจึงสามารถเป็นอยู่อย่างสบายมากและลำเค็ญน้อยลง [2]
ปรัชญาอินเดียแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ปรัชญาฮินดู อาสติกะ นับถือพระเวท และ ปรัชญาที่ไม่ใช่ฮินดู นาสติกะ คัดค้านพระเวท แต่ละกลุ่มมีสำนักต่างๆ และมี Timeline ตามแผนภาพที่แสดง
ยกเว้นปรัชญาแบบวัตถุนิยม (จารวาก) เป็นที่น่าสนใจว่า ปรัชญาอินเดียล้วนมีจุดมุ่งหมายสูงสุดเดียวกัน คือ การหลุดพ้น ซึ่งมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น โมกษะ นิพพาน สภาวะสมบูรณ์ สัจธรรมสูงสุด จิตวิญญาณหลุดพ้นจากอวิชชา การหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด การกลับคืนสู่พรหมัน เป็นต้น
(*) ความทุกข์ 3 ประการ อาธยาตมิกทุกข์ เกิดสาเหตุในร่างกายเอง เช่น การเจ็บไข้ได้ป่วย อธิเภาติกทุกข์ ความทุกข์อันเกิดจากสาเหตุภายนอก เช่น การถูกทำร้ายร่างกายหรือเจ็บทรมานใจ อธิไทวิกทุกข์ ความทุกข์จากอำนาจเหนือธรรมชาติที่ไม่อาจหลีกหนี เช่น กฎของกรรม บางสำนักเรียกว่า เทวบันดาลหรือพรหมทัณฑ์
อ้างอิงจาก: ตำราปรัชญาอินเดียสมัยโบราณ โดย รศ.นงเยาว์ ชาญณรงค์ ; [1] จาก ปรัชญาพราหมณ์สมัยพุทธกาล โดย สมัคร บุราวาศ ; [2] จาก ปรัชญาอินเดีย โดย อดิศักดิ์ ทองบุญ
Definition
นิยามและหลักการ
- อาสติกะ - นับถือและสนับสนุนพระเวท
- นาสติกะ - ต่อต้านพระเวท
- สางขยะ - "ความรู้ที่ถูกต้อง" การบรรลุโมกษะคือการแยกปุรุษะและประกฤติออกจากกัน
- ไวเศษิกะ - "เน้นสิ่งที่มีอยู่จริง" คือวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ
- พุทธ - "ผู้ตื่นรู้" อริยสัจสี่ มรรคแปด ทางสายกลาง
- เชน - "ผู้ชนะ" ชนะตนเอง ชนะกิเลศ นุ่งลมห่มฟ้า
- มีมางสา - "ความคิดที่น่าเชื่อถือ" เชิดชูพระเวท เชื่อในพระเจ้า
- นยายะ - "กลับคืนสู่ธรรม" หาเหตุผลพิสูจน์ความจริง ตรรกศาสตร์
- โยคะ - "ความเพียร" เพื่อบรรลุพรหมันโดยแยกปุรุษะกับประกฤติ
- จารวาก - "ยึดมั่นกามสุข"
- เวทานตะ - "อุปนิษัท" อุตตรมีมางสา ที่สุดแห่งพระเวท
- อไทฺวตะ - "ไศวะนิกาย" อาตมันคือจริง สิ่งอื่นคือมายา
- วิศิษฏไทฺวตะ - "ไวษณพนิกาย" พรหมันคือจริง โลกมิใช่มายา มายาเกิดจากอวิชชา
prophet
ศาสดา หรือผู้รวบรวม
- อาสติกะ - นับถือพระเวท
- นาสติกะ - ต่อต้านพระเวท
- สางขยะ - มหาฤๅษีกบิล
- ไวเศษิกะ - มหาฤๅษีกณาท หรือ มหาฤๅษีกาศยัป
- พุทธ - พระพุทธเจ้า (สิทธัตถะ)
- เชน - มหาวีระ
- มีมางสา - ฤาษีไชมินี
- นยายะ - มหาฤๅษีโคตมะ
- โยคะ - มหาฤๅษีปตัญชลี
- จารวาก - อาจารย์พฤหัสปติ
- เวทานตะ - ท่านวยาส (ผู้รวบรวม)
- อไทฺวตะ - ท่านเคาฑปาทะ และ ท่านศังกราจารย์
- วิศิษฏไทฺวตะ - ท่านรามานุช
ปรัชญาอินเดียโบราณ และ การเปรียบเทียบ
Tandhava Payakorn